นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์(CMO) เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้ารายได้โต 20% หรืออยู่ที่ 800 ล้านบาทจากปีนี้ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ 735.7 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีงานอีเว้นท์ในมือ(backlog)ที่คาดว่าจะจัดในปีหน้ากว่า 300 ล้านบาท อีกทั้งมองว่าสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจและการเมืองที่มีแนวโน้มที่ดี จะส่งผลให้ธุรกิจการจัดอีเว้นท์กลับมาคึกคักเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ 3 แนวทาง ได้แก่ กลยุทธ์การขยายธุรกิจเชื่อมโยง,กลยุทธ์การขยายธุรกิจเดิม เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจที่ CMO มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว และกลยุทธ์การสร้างตลาดใหม่ๆ เพื่อบุกเบิกธุรกิจรูปแบบใหม่ที่หลากหลาย และยังเป็นการเพิ่มฐานการดำเนินธุรกิจให้กับวงการอีเว้นท์ เช่น การนำอีเว้นท์แบรนด์ไปเปิดตัวในตลาดต่างประเทศ และยังมีการเปิดหน่วยธุรกิจใหม่ ซีเอ็มไมซ์ เพื่อเสริมทัพให้บริษัทในเครือมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
อย่างไรก็ตามในปี 53 บริษัทจะให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากร และการรับพนักงานใหม่ๆ ที่มีความสามารถเข้ามาร่วมงานเพื่อเพิ่มศักยภาพขององค์กร
นายเสริมคุณ กล่าวต่อว่า ในปีหน้าตลาดโดยรวมของธุรกิจอีเว้นท์จะกลับมามีอัตราการเติบโต 10% จากปี 52 ที่ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ถดถอย 5% จากปี 51 ที่มูลค่าอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากภาครัฐที่จะเข้ามาทำให้ภาพรวมอีเว้นท์เติบโตขึ้นในปีหน้า ซึ่งในส่วนบริษัทก็เริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในเม็ดเงินของภาครัฐ ทั้งการท่องเที่ยว กทม. เป็นต้น โดยได้เซ็นสัญญาแล้ว 100 ล้านบาท และอยู่ระหว่างประมูลเพิ่มเติมอีก 200 ล้านบาท
ขณะที่งานในส่วนของภาคเอกชน มองว่าจะระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น อย่างธุรกิจแอลกอฮอล์ที่ได้รับผลกระทบ แต่งานในส่วนของรถยนต์และจักรยานยนต์กลับมาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลดีกับบริษัท
"ในปีหน้างบจากภาครัฐจะเป็นตัวที่กระตุ้นงานอีเว้นท์ให้ฟื้นขึ้น" นายเสริมคุณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ยังต้องจับตาในปีหน้าที่อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีเว้นท์ คือ ปัญหาการเมืองที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ ซึ่งอาจจะส่งผลให้บรรยากาศอึมครึม และอาจส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจ แต่บริษัทก็ได้วางแผนรองรับโดยการสะสมงานในช่วงไตรมาส 1-2 ไว้แล้วมูลค่าราว 40-50 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานมาร์เก็ตติ้งอีเว้นท์
นอกจากนี้ในปี 53 บริษัทจะให้ความสำคัญในการบุกตลาดอาเซียนมากขึ้น เช่น เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ กัมพูชา ลาว และ พม่า ซึ่งได้รับผลจากการเปิดเขตการค้าเสรี โดยจะเน้นการให้เช่าอุปกรณ์ และการจัดงานมาร์เก็ตติ้ง อีเว้นท์ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะขยายฐานรายได้ที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปีนี้ที่มีอยู่ 5% โดยบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนไว้ 50 ล้านบาท ตั้งเป้าได้งานอีเว้นท์ 20 งาน
"ผมว่าปี 53 น่าจะเป็นปีที่มีความหวังเพราะเรามี Backlog เยอะเมื่อเทียบกับปี 52 และยังมองเห็นภาพที่ดีไม่เหมือนกับปีนี้ที่มีปัจจัยลบรอบด้านทั้งเศรษฐกิจ การเมือง ที่ทำให้หลายบริษัทหั่นงบการตลาด-อีเว้นท์ลง และยังมาถูกยกเลิกการจัดงานในกัมพูชาอีก ซึ่งจากการยกเลิกการจัดงานทำให้งบเดี่ยวเรามีผลขาดทุน ทำให้ปีนี้คาดว่าคงไม่เห็นการจ่ายปันผล และหวังว่าปี 53 จะดีขึ้นและมีกำไร"นายเสริมคุณ กล่าว