นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท(MCOT) กล่าวว่า รายได้ของบริษัทในปี 52 มีโอกาสเติบโตสูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 7% แต่คงไม่ถึง 10% เนื่องจากเม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมทีวีช่วงไตรมาส 4/52 เพิ่มขึ้นมากกว่า 11%
ขณะที่ในไตรมาส 4/52 MCOT คาดว่ารายได้จากธุรกิจทีวีจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 20% เนื่องจากมีรายได้จากงานอีเว้นท์ขนาดใหญ่ จากเม็ดเงินโฆษณาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ประกอบกับ มีรายได้จากการถ่ายทอดรายการพิเศษ อาทิ งานเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่"PATTAYA COUNTDOWN 2010"ซึ่งได้รับค่าถ่ายทอด 2 ล้านบาท และยังมีรายได้จากการขายโฆษณาด้วย
นอกจากนี้ ยังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ก่อนสิ้นปีอีก 2 คอนเสิร์ตของคลื่น FM 95 ลูกทุ่งมหานคร และ FM 97.5 SEED FM
"ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้วมากในแง่ของรายได้รวม เนื่องจากธุรกิจทีวีเติบโตถึง 20% ปีที่แล้วไตรมาส 4 เป็นช่วงเริ่มต้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ตัวเลขปีที่แล้วต่ำ"นายธนวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าปี 53 จะมีรายได้โตเกินกว่า 10% จากธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาเสริมรายได้ แต่อย่างไรก็ตาม คงเป็นเรื่องยากที่จะเติบโตในระดับ 20-25% เหมือนในช่วงก่อนวิกฤตเศรษฐกิจ
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของเทคโนโลยีใหม่ที่จะนำมาใช้ครั้งแรกในงาน PATTAYA COUNTDOWN เป็นเทคโนโลยีในการถ่ายทอดสดที่สามารถเชื่อมโยงสัญญาณได้ทั่วโลก ซึ่งงานจะถ่ายสดสดวันที่ 31 ธ.ค.52 ตั้งแต่เวลา 22.30-01.30 น. เชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 4 แสนคน และ อสมท.จะเป็นแม่ข่ายในการถ่ายทอดไปยังประเทศแถบอาเซียนด้วย
สำหรับการแข่งขันธุรกิจทีวีในปีหน้ายังคงรุนแรงแต่เม็ดเงินโฆษณาน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงปลายปีนี้ และหากวิกฤตเศรษฐกิจคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างแท้จริงก็น่าจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของธุรกิจด้วย และปีหน้าจะมีกิจกรรมขนนาดใหญ่ที่กระตุ้นเม็ดเงินโฆษณา อาทิ ฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งจะร่วมถ่ายทอดช่อง 3 และ ช่อง 7 ด้วย และยังมีสกู๊ป และรายการทีวี เข้ามาเสริมด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ปีหน้ายังคงมีปัจจัยเสี่ยง อาทิ ความผันผวนทางธุรกิจ กฎหมายที่จะมีการตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ขึ้นมาดูแลคลื่นความถี่ ถือเป็นความเสี่ยงของ อสมท.
ส่วนเรื่องสัญญาสัมปทานระหว่างช่อง 9 และช่อง 3 ขณะนี้ยอมรับในหลักการที่จะจ่ายเงินสัมปทานเพิ่ม 405 ล้านบาท แต่เหลือในแง่ของกฎหมาย ด้าน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ อีก 2-3 จุดที่จะต้องมาตกลงกัน เชื่อว่าเงินงวดแรกที่จะได้รับจากช่อง 3 น่าจะเป็นข่วงต้นปี 53
นายธนวัฒน์ กล่าวถึงการประเมินผลงานครั้งแรกในการเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในสิ้นเดือน ธ.ค.นี้ รวมเป็นระยะเวลา 4 เดือนว่า หากจะผ่านการประเมินต้องได้คะแนนเกิน 80% ซึ่งแม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่สูง แต่ไม่มีความกังวลและยังคงทำงานเต็มที่และเชื่อว่าบอร์ดจะพิจารณาประเมินผลจากตัวเลขผลประกอบการเป็นหลัก