บมจ. แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้(GRAND) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ.2552 ได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องความว่า ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (สาขากรุงเทพฯ) (HSBC)กระทำการในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ของเลห์แมน บราเธอส์ คอมเมอร์เชียล คอร์ปอเรชั่น เอเซีย ลิมิเต็ด (LBCCA) ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่ง (คดีหมายเลขดำที่ 1911/2552)โดยกล่าวอ้างว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้ออกหุ้นกู้และผู้จำนองภายใต้หุ้นกู้ชื่อ"หุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวแบบมีหลักประกันของบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2550 ครบกำหนดชำระปี พ.ศ.2553" มิได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของหุ้นกู้
นอกจากนี้ ในคำฟ้องยังได้ระบุให้บริษัท แกรนด์ อีควิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท ฮอนเนอร์ บิวซิเนส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ให้ร่วมรับผิดในฐานะที่เป็นผู้ค้ำประกัน ผู้จำนำ และผู้จำนองสำหรับหน้าที่ความรับผิดของบริษัทฯ ภายใต้หุ้นกู้ดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ในคำฟ้องดังกล่าว HSBC ได้ร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยชำระเงินทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยรวมทั้งเงินจำนวนอื่น ๆ ที่เป็นหนี้และยังค้างชำระภายใต้หุ้นกู้ หากบริษัทฯและบริษัทย่อยไม่ชำระหนี้ HSBC จะขอให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนองซึ่ง HSBC ได้ถือไว้เป็นหลักประกันในฐานะที่เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อนึ่ง บริษัทฯได้ออกหุ้นกู้ให้แก่เลห์แมน บราเธอส์ คอมเมอร์เชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย ลิมิเต็ด(Lehman Brothers Commercial Corporation Asia Limited) (LBCCA) เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550 โดย LBCCA เป็นผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว โดย HSBC ได้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อประโยชน์ของ LBCCA ตั้งแต่วันดังกล่าว ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา LBCCA ได้ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งให้ล้มละลายแต่ฝ่ายเดียว และศาลของฮ่องกง (High Court of Hong Kong) ได้มีคำสั่งให้ LBCCA เข้าสู่กระบวนการการชำระบัญชี ในขณะนี้ LBCCA ได้หยุดการชำระเงินค่าหุ้นกู้ภายใต้หุ้นกู้ซึ่งถือเป็นการผิดสัญญาที่ LBCCA มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
บริษัทฯและที่ปรึกษาของบริษัทฯ เชื่อว่าข้อกล่าวอ้างตามคำฟ้องดังกล่าวข้างต้นนั้นมิได้มีมูลความจริงและเหตุผลโดยชอบด้วยกฎหมายแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม บริษัทฯเห็นว่า LBCCA เป็นฝ่ายผิดสัญญจองซื้อหุ้นกู้ต่อบริษัทฯ โดยเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้อง LBCCA ฐานผิดสัญญาอันเนื่องมาจากการที่ LBCCA มิได้ปฏิบัติตามหน้าที่ของตนภายใต้สัญญาจองซื้อหุ้นกู้ (Subscription Agreement) และเมื่อวันที่ 9 เมษายนพ.ศ. 2552 บริษัทฯได้ยื่นขอแก้ไขคำฟ้องต่อศาลเพื่อขอเพิ่มจำนวนเงินค่าเสียหายอันเนื่องมาจากการที่ LBCCAยังคงมิได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง และการมิได้ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ มากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ มาก่อนหน้าแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในคดีที่ HSBC ฟ้องบริษัทฯนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งทนายความเพื่อเป็นตัวแทนของบริษัทฯ ในการต่อสู้คดีกับ HSBC และบริษัทฯ จะดำเนินการต่างๆในทุกๆทาง ที่บริษัทฯ พิจารณาว่าจำเป็นต่อการปกป้องสิทธิประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และเพื่อป้องกันการบังคับหลักประกันซึ่งได้มีการถือไว้เพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อหุ้นกู้