นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายงานการขายและการตลาด บมจ. กระเบื้องหลังคาตราเพชร (DRT) คาดว่า รายได้ในปี 53 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากปัจจัยบวกทั้งเรื่องกำลังการผลิตใหม่จากสายการผลิตที่ 9 ที่จะเข้ามาตอบโจทย์การทำตลาดในปีหน้า ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการสายการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการฟื้นตัวของภาคการก่อสร้างจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะหนุนให้ความต้องการกระเบื้องคอนกรีตและผลิตภัณฑ์ไฟเบอร์ซีเมนต์เติบโตอย่างโดดเด่น
นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันกำไรของบริษัทฯ โดยตรงจนถึงปีหน้า เนื่องจากรายได้และความมั่งคั่งของเกษตรกรจะกระตุ้นอุปสงค์ที่อยู่อาศัยรวมถึงอุปสงค์เพื่อการซ่อมแซมบ้านเก่า
สำหรับสายการผลิตที่ 9(NT9)นั้น บริษัทฯใช้งบลงทุนประมาณ 465 ล้านบาท โดยจะเน้นผลิตภัณฑ์กลุ่มไม้สังเคราะห์ เช่น ไม้เชิงชาย ไม้ฝา ไม้ระแนง ไม้มอบ ไม้บัว และบอร์ด เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายงานโครงการอาคารสูง ซึ่งเดิมต้องใช้สายการผลิตที่มีอยู่เดิมมาผลิตสินค้าเหล่านี้เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า แต่เมื่อมีสายการผลิตใหม่ สายการผลิตที่มีอยู่เดิมก็สามารถนำไปใช้ผลิตสินค้าในกลุ่มที่ยังมีความต้องการสูง ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องแผ่นเรียบหรือกระเบื้องลอนคู่ได้ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกปี 53
“สายการผลิตใหม่จะเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับบริษัทฯ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทฯ มีข้อจำกัดในเรื่องกำลังการผลิต ทำให้สูญเสียออร์เดอร์ไปเป็นจำนวนไม่น้อย เรียกว่าเป็นการสูญเสียโอกาสทำเงินไปเป็นสิบล้านบาท ดังนั้นกำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาเพิ่มทั้งปริมาณและความหลากหลายของสินค้า เห็นสัญญาณบวกจากดีลเลอร์หลายรายมีการสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น เพราะมั่นใจว่าขายได้แน่นอน" นายสาธิต กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 53 บริษัทฯ จะขยายตลาดในเชิงรุก โดยเพิ่มช่องทางขายผ่านโมเดิร์นเทรดมากขึ้น เนื่องจากสายการผลิตใหม่ทำให้บริษัทฯ มีสินค้าที่หลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น
ขณะที่แนวโน้มด้านราคาสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในปีหน้านั้น คาดว่าผู้ประกอบการจะมีการปรับราคาสินค้าขึ้นบ้างตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ปูนซีเมนต์ ที่เริ่มมีการปรับราคาขายขึ้นไปบ้างแล้ว แต่ในส่วนของบริษัทฯ ขณะนี้ยังไม่มีแผนในการปรับราคาสินค้าแต่อย่างใด