โบรกฯแนะ"ซื้อ"PTTEP กำไรปี53โตตามน้ำมันพุ่ง-ผลิตเพิ่ม แม้เลื่อนมอนทารา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 17, 2009 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างแนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท ผลิตและสำรวจปิโตรเลียม(PTTEP)มองปี 53 กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมากกว่าปี 52 และ ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีแหล่งมอนทารา คาดกำไรสุทธิจะเติบโตขึ้น โดยหลักมาจากแหล่ง MTJDA และแหล่งอาทิตย์เหนือที่จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ส่วนแหล่งมอนทาราคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 54 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังกังวลแหล่งมอนทาราจะผลิตล่าช้าออกไปหลังจากเหตุไฟไหม้และน้ำมันรั่ว รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาเป้าหมายมากพอสมควร ถือเป็นจังหวะที่น่าลงทุน

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ      ราคาเป้ามหาย(บาท/หุ้น)
          บล.กสิกรไทย          ซื้อ           196
          บล.นครหลวงไทย       ซื้อ           194
          บล.กรุงศรีอยุธยา       ซื้อ           188
          บล.เอเซียพลัส         ซื้อ           180
          บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส     ซื้อ           173

น.ส.นลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซียพลัส ประมินว่า แหล่งมอนทาราในออสเตรเลียจะเลื่อนการผลิตออกไปในปลายปี 53 หลังเกิดการณ์ไฟไหม้ต้น พ.ย.อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีแหล่งมอนทาราตามแผนงานเดิม แต่ในปี 53 ประเมินว่ากำไรสุทธิของ PTTEP ยังเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าปี 53 จะเติบโต 23% จากปี 52 โดยปริมาณการผลิตเพิ่มจากแหล่ง MJDA และแหล่งอาทิตย์เหนือ เป็นสองโครงการหลักที่จะรับรู้รายได้เต็มปี 53 นอกจากนี้ก็ยังมีแหล่งอื่น ได้แก่ ในเวียดนาม

ประกอบกับ บริษัทได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้าปรับเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยทั้งปี 53 โดยประเมินว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ 75 เหรียญ/บาร์เรล สูงกว่าปี 52 ที่คาดราคาเฉลี่ยที่ 60 เหรียญ/บาร์เรล

ส่วนการประเมินความเสียหายของแหล่งมอนทารา ขณะนี้ทางบริษัทยังไม่ได้เจ้งความคืบหน้า แต่ก็มีวงเงินประกัน 270 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งได้ตั้งสำรองไปในไตรมาส 3/52 ไปแล้ว 150 ล้านเหรียญสหรัฐจากกรณีการรั่วไหลของน้ำมัน แต่วงเงินประกันส่วนที่เหลือก็ยังไม่รู้ว่าจะครอบคลุมได้หมดหรือไม่ ตรงนี้ก็มองเป็นความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายในไตรมาส 4/52 แต่บริษัทก็จะได้คืนจากเงินประกันกลับมาในรูปรายได้อื่นในปีหน้า

"คิดว่าแหล่งมอนทาราจะ delay ไปเป็นปี 54 เพราะฉะนั้นการกระทบประมาณการก็แค่ delay ออกไป ผลกระทบก็คงไม่เยอะ แหล่งมอนทาราในไตรมาส 4 นี้ก็คงต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจากเหตุไฟไหม้ ซึ่งยังไม่รู้เท่าไร....มันเป็นความเสี่ยงว่าวงเงินประกันที่มีอยู่จะครอบคลุมหรือเปล่า แต่ถ้าถามไป ปตท.สผ.เขาก็คิดว่าครอบคลุม แต่เราก็คิดว่าเป็นความเสี่ยง เพราะถ้าเกินก็จะเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่ม และจะ book ในไตรมาส 4 นี้ เท่ากับปีนี้เรื่องเลวร้ายหมดแล้ว"น.ส.นลินรัตน์ กล่าว

แม้ว่าราคาหุ้นขณะนี้อยู่ระดับต่ำ แต่นักลงทุนก็ยังวิตกความเสียแหล่งมอนทาราว่าจะสามารถเคลมเงินประกันภัยได้ไม่คุ้มหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม มองว่าปีหน้าก็จะไม่กระทบกับการตั้งสำรองอีกแล้ว และรายได้จากการดำเนินธุรกิจในปีหน้าก็จะยังเติบโตไปได้ดี

ด้านนายชาญวุทธ เตชอมรธนกิจ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ความเสียหายจากเหตุไฟไหม้ในแหล่งมอนทาราคาดว่าจะมีการตั้งสำรองครั้งเดียวในไตรมาส 4/52 โดยบริษัทเหลือเงินประกันอีก 120 ล้านเหรียญสหรัฐ จากที่ตั้งสำรองไปแล้ว 150 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาส 3/52 จะทำให้กำไรในปี 52 ลดลงไป จากการตั้งสำรอง 2 ไตรมาส

"ถ้าความเสียหายไม่เกินวงเงินประกันก็ไม่น่าห่วง ผมว่านักลงทุนไม่ห่วงวงเงินประกัน แต่ห่วงว่าโปรเจ็คต์จะใช้เวลาซ่อมนานขนาดไหน หรือโปรเจ็คต์นี้จะเข้ามาอยู่ในแผนได้เหมือนเดิมหรือเปล่า แต่มุมมองผมคิดว่าน่าจะ delay ประมาณ 1 ปี ไปเป็นปี 54"นายชาญวุทธ กล่าว

หลังเกิดเหตุกาณณ์น้ำมันรั่วไหล ทางบริษัทได้เคยประมาณการว่าจะเริ่มผลิตในแหล่งมอนทาราในปลายไตรมาส 1/53 แต่เมื่อมีเหตุกาณณ์ไฟไหม้ อุปกรณ์เสียหาย ก็ตีว่าต้องใช้เวลาซ่อมประมาณ 1 ปี เขาจึงคาดว่าคงจะไปเริ่มในไตรมาส 1/54

อย่างไรก็ดี ในปี 53 นายชาญวุทธ ประเมินว่า กำไรจะเติบโตอยู่ ประมาณ 43%(ยังไม่หักปริมาณผลิตแหล่งมอนทารา)ซึ่งปริมาณการผลิตจากแหล่งมอนทาราคิดเป็นประมาณ 10%

บทวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)เชื่อว่า กำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 53-54 จากปี 52 ที่คาดว่าจะลดลง 41% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับลงและได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำมันรั่วในแหล่งมอนทารา แต่กำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง 62% ในปี 53 จากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่คาดว่าจะปรับขึ้นเป็น 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 18% เป็น 2.71 แสนบาร์เรล/วัน รวมทั้งได้รับค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยด้วย

สำหรับปี 54 กำไรสุทธิมีแนวโน้มขยายตัวต่ออีก 31% โดยมีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นต่อเป็น 85 เหรียญ/บาร์เรล และปริมาณการผลิตสูงขึ้น

ส่วนความเสียหายของโครงการมอนทาราคาดว่าจะบันทึกค่าเสียหายเพิ่มอีก 100 ล้านเหรียญหลังจากมีเพลิงไหม้เกิดขึ้น ขณะนี้ PTTEP กำลังประเมินความเสียหายที่แท้จริงและดำเนินการเรื่องการขอเคลมค่าสินไหมทดแทน โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้ค่าสินไหมทดแทนตั้งแต่ไตรมาส 4/52 และจะรับรู้ทั้งหมดภายใน ครึ่งแรกปี 53 จากการประเมินในเบื้องต้นบริษัทเชื่อว่าโครงการนี้ยังสามารถเดินหน้าพัฒนาต่อได้หลังการปรับปรุงและซ่อมแซมความเสียหาย

"ยังคงคำแนะนำซื้อ แม้ว่าผลกระทบจากปัญหาน้ำมันรั่วไหลที่มอนทารายังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าบริษัทได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้ว และการเติบโตที่แข็งแกร่งของกำไรสุทธิในปี 53-54 จะช่วยหนุนราคาหุ้นในระยะต่อไปได้"บทวิเคราะห์ระบุ

แท็ก (PTTEP)   ปตท  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ