บมจ.การบินไทย(THAI)ร่วมมือกับสายการบินนกแอร์ทำการบินในเส้นทางพิษณุโลก อุบลราชธานี และแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.53 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ทำให้ ผู้โดยสารได้รับความสะดวกในการเดินทางในรูปแบบราคาประหยัด (Low-Fare) แต่ยังคงเน้นเรื่องความปลอดภัยตามมาตรฐานของการบินไทยเช่นเดิม
"บริษัทฯ มีนโยบายสร้างความร่วมมือกับสายการบินนกแอร์ตามแผนกลยุทธ์ Two-Brand Strategy ในความร่วมมือให้บริการในเส้นทางรองภายในประเทศ ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่างการบินไทยกับนกแอร์ จะเป็นประโยชน์ และสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งผู้โดยสารและประชาชนจะได้รับการบริการเช่นที่เคยได้รับบริการจากการบินไทย"นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ศึกษาผลการดำเนินงาน ของเส้นทางบินภายในประเทศช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเส้นทางรองและทางย่อย บริษัทฯ ไม่มีผลกำไรติดต่อกันมาหลายปี แต่ก็ยังคงมีความจำเป็นในการให้บริการแก่ประชาชน เพื่อการคมนาคมขนส่งภายในประเทศตลอดมา
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยสภาวะแวดล้อมที่สร้างผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจการบินของโลก ทั้งการผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว ราคาน้ำมันโลกที่ผันผวนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และโรคระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เป็นเหตุปัจจัยให้สายการบินต่างๆ ต้องดำเนินการปรับกลยุทธ์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้รอดพ้นจากวิกฤตการขาดทุน และให้การดำเนินธุรกิจอยู่รอดต่อไปได้ จึงเป็นเหตุให้บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องกำหนดยุทธศาสตร์ เพื่อปรับต้นทุนการบริการให้มีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
อีกทั้งผลการดำเนินงานในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาของของบริษัทฯ เส้นทางพิษณุโลกขาดทุนเฉลี่ย 86.3 ล้านบาทต่อปี อุบลราชธานีขาดทุนเฉลี่ย 74.9 ล้านบาทต่อปี และแม่ฮ่องสอนขาดทุนเฉลี่ย 49.9 ล้านบาทต่อปี