นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบแผนกลยุทธ์ (แผน 5 ปี 53-57) รวมทั้งงบประมาณประจำปี 53-54 ของฝ่ายบริหาร เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ Mission TG 100 ให้การบินไทยสู่อนาคตที่แข็งแกร่งและเติบโตก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืนอีก 50 ปี และผลักดันในการเป็น 1 ใน 3 ของภูมิภาคเอเชีย และ 1 ใน 5 ของสายการบินทั่วโลก ภายในระยะเวลา 2 ปี
และที่ประชุมยังอนุม้ติแผนจัดหาเครื่องบินใหม่อีก 12 ลำตามแผนกลยุทธ์ของบริษัท เป็นเครื่องนินพิสัยไกล 5 ลำ และ เครื่องบินพิสัยกลาง 7 ลำ หลังจากนี้ฝ่ายบริหารจะไปจัดทำรายละเอียดของแผนงานดังกล่าว และนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะเสนอได้ในเดือน ก.พ. 53
ขณะที่การปรับโครงสร้างระยะยาว โดยการเพิ่มทุน ซึ่งการบินไทยจะเร่งหารือกับกระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทรับทราบ ผลการดำเนินงานของเดือน พ.ย.52 ปรากฎว่า ปริมาณการผลิตผู้โดยสาร (ASK) สูงกว่างบประมาณ 4.4% ปริมาณการขนส่ง ผู้โดยสาร (RPK) สูงกว่างบประมาณ 1.1% ในขณะที่อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 74.2% ต่ำกว่างบประมาณซึ่งเฉลี่ย 76.7% yield มากกว่า 2.1 บาทต่อกิโลเมตร ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้า (RFTK) สูงกว่างบประมาณ 29.2%
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ทำให้การขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ประกอบกับบริษัทฯ ได้เช่าพื้นที่ระวางขนส่งสินค้าจากสายการบินเซ้าท์เทิร์น แอร์ อัตราการบรรทุกสินค้า (Freight Load Factor) เฉลี่ย 62.1% สูงกว่างบประมาณซึ่งเฉลี่ย 54.2%
ส่วนผลประกอบการในช่วง 11 เดือน ของปี 52 (ม.ค.-พ.ย.) การบินไทย มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม ( EBITDA) จำนวนเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.6 หมื่นล้านบาทในปี 52
"cabin factor เฉลี่ยเริ่มดีขึ้น yield ขยับขึ้นมาเป็น 2.10 บาท/กิโลเมตร จากเดิม 1.90 บาท/กิโลเมตร คาดว่ายอดจองตั๋วก็อยู่ระดับ 80% คาดว่าผลประกอบการของทั้งปี 52 ก็น่าจะมี Surprise ส่วนการปรับเงินเดือนพนักงาน ในเมื่อการบินไทยสามารถหลุดพ้นจากแผนฟูฟื้นฟูได้ การปรับขึ้นเงินเดือนก็เป็นไปได้ในปีหน้า" ประธานกรรมการ THAI กล่าว หลังการประชุมบอร์ด
นายอำพน ยังกล่าวว่า บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นสายการบินนกแอร์เป็น 49% เพื่อที่จะไม่ให้มีสถานภาพเป็นรัฐวิสาหกิจ จากปัจจุบันถืออยู่ 39% เพราะต้องการเพิ่มความเข้มแข็งทางการเงิน โดยคาดว่าจะดำเนินการภายในปี 53 พร้อมยืนยันการเปลี่ยนแปลงให้สายการบินนกแอร์เข้ามาทำการบินแทนในเส้นทาง พิษณุโลก อุบลราชธานี และแม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 53 นั้นจะไม่กระทบกับการให้บริการลูกค้า และค่าโดยสารก็จะเท่าเดิม แต่หากมีผลกระทบเกิดขึ้น การบินไทยก็พร้อมกลับมาทำการบิน
ส่วนกรณี นายวัลลภ พุกกะณะสุต ที่มีการร้องเรียนทำผิดระเบียบนั้น นายอำพน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ได้แต่งตั้ง นายคณิศ แสงสุพรรณ เป็นประธานสอบสวน พร้อมดเวยนายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม และนายชัยศักดิ์ อังสุวรรณ์ ซึ่งกรรมการทั้ง 3 คน จะใช้ระยะเวลาสอบประมาณ 3 สัปดาห์ จะได้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น รวมทั้ง ตัวเลขค่าเสียหาย ซึ่งเบื่องต้นคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทและจะพิจารณาว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหายดังกล่าว โดยจะเสนอให้บอร์ดพิจารณากลางเดือน ม.ค. 53
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้นายวัลลภได้ขอหยุดปฏิบัติหน้าทีในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของการบินไทยจนกว่าผลสอบสวนจะแล้วเสร็จ และที่ประชุมฯได้มอบหมายให้นายคณิศ รักษาการในตำแหน่งดังกล่าวแทน