นายกานต์ ตระกุลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า เครือซิเมนต์ไทยเตรียมยื่นต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอความชัดเจนในคำสั่งให้หยุดก่อสร้างโครงการในพื้นที่มาบตาพุด เนื่องจากบริษัทมีโครงการที่ได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)ก่อนรัฐธรรมนูญปี 50 บังคับใช้ จำนวน 1 โครงการ จากทั้งหมด 18 โครงการ คือ โครงการท่าเทียบเรือ
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารและชี้แจงเหตุผลต่อศาลฯ ซึ่งบริษัทก็ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและอาจเป็นการยื่นขอผ่อนผันต่อศาลฯ ร่วมกับกลุ่มปตท.(PTT) และผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลฯ
สำหรับโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดทั้ง 18 ของปูนฯส่วนใหญ่เป็นโครงการร่วมลงทุนพันธมิตร ซึ่งมีหลายโครงการใกล้แล้วเสร็จและมี 1 โครงการที่แล้วเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้ คือ โครงการผลิตเหล็กรูปพรรณ ของ บริษัทสยามยามาโตะ ซึ่งกลุ่มปูนฯ ร่วมทุนกับต่างชาติ
"ตอนนี้กลุ่มปูนฯอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสาร เพื่อขอผ่อนผันโครงการที่ได้รับอนุมัติ EIA ก่อนปี 50 ให้ดำเนินการต่อไปได้ และได้มีทำงานควบคู่กับบริษัทอื่นอย่างปตท. ที่ได้รับผลกระทบ แต่หากข้อมูลของปูนฯเสร็จก่อน ก็อาจจะยื่นต่อศาลฯ โดยไม่ต้องรอกลุ่มปตท. ก็เป็นไปได้ เพื่อขอความกรุณาให้ก่อสร้างดำเนินการต่อไปได้"นายกานต์ กล่าว
บริษัทได้หยุดดำเนินโครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดตามคำสั่งศาลฯ และได้มีการเตรียมแนวทางการดูแลรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ของโครงการต่าง ๆ ที่ได้นำเข้ามาแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายจากความล่าช้าของโครงการ และอีกด้านหนึ่งก็พยายามทำความเข้าใจกับนักลงทุนต่างชาติที่เป็นพันธมิตรกับบริษัท รวมถึงได้พูดคุยกับสถาบันการเงินต่างชาติเพื่อความเข้าใจกับกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ส่วนต้องใช้เวลา เนื่องจากต่างชาติยังไม่เข้าใจกับกรณีที่เกิดขึ้น
ส่วนจะต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมให้กับสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นกับผลการเจรจาและระยะเวลาที่ล่าช้าออกไป
อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการหยุดชะงักโครงการต่างๆ ของบริษัททั้ง 18 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการเกือบแล้วเสร็จทั้งในแง่ด้านรายได้ รวมทั้งในแง่ของการคืนเงินต่อสถาบันการเงินตามระยะเวลาของโครงการที่แล้วเสร็จต่อคณะกรรมการบริษัทในสัปดาห์หน้า ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนกับกรณีที่เกิดขึ้นว่าจะส่งผลกระทบอย่างใรบ้างในปี 53