ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) ขานรับการรายงานผลกระทบการที่สดใสจากกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ซึ่งทำให้นักลงทุนส่งแรงซื้อเข้ามาในตลาดกันอย่างคึกคัก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 20.63 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 10,328.89 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยายตัว 6.39 จุด หรือ 0.58% แตะที่ 1,102.47 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเดินหน้าขึ้น 31.64 จุด หรือ 1.45% แตะที่ 2,211.69 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งของบริษัทรีเสิร์ช อิน โมชั่น ผู้ผลิตแบล็กเบอร์รี่ ขณะที่ผลกำไรของออราเคิล ยักษ์ใหญ่ด้านซอฟท์แวร์ก็พุ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เช่นกัน ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้หนุนให้นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจในสหรัฐมากขึ้น
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การรายงานผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสองแห่งนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีและบ่งชี้ว่าบริษัทจะสามารถใช้จ่ายเงินและพัฒนาโครงการด้านเทคโนโลยีได้มากขึ้น โดยรีเสิร์ช อิน โมชั่นสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นจากยอดขายสมาร์ทโฟนที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์และยอดผู้สมัครใช้บริการที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ สถานการณ์ดังกล่าวยังจุดประกายให้นักลงทุนเกิดความหวังว่า ผลกำไรที่ดีขึ้นของบริษัทเทคโนโลยีจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ภาคธุรกิจอื่นๆที่ประสบปัญหาดีขึ้นตามไปด้วย ซึ่งสิ่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของผลประกอบการคือการใช้จ่ายภาคธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนในตลาดยังอยู่ในกรอบจำกัด หลังจากที่เมื่อวานนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงหนึ่งขั้น สู่ระดับ BBB+ จากเดิมที่ระดับ A- และเตือนว่าจะลดอันดับเครดิตลงอีก นอกเสียจากว่ารัฐบาลกรีซจะดำเนินการปรับลดยอดขาดดุลงบประมาณ โดยการประกาศลดอันดับเครดิตของ S&P มีขึ้นหลังจากที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตของกรีซลงสู่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นักลงทุนหลายรายเริ่มเตรียมที่จะปิดพอร์ทการลงทุนในช่วงสิ้นปีนี้และมีแนวโน้มว่าจะเทขายหุ้นช่วงสัปดาห์หน้าก่อนที่เทศกาลวันคริสต์มาสจะมาถึง
ทั้งนี้ หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่นถีบตัวขึ้น 10% ขณะที่หุ้นออราเคิลขยายตัว 6.4%