ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปด้านการดูแลสุขภาพ รวมทั้งข่าวบริษัท ซาโนฟี-เอเวนติส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาของฝรั่งเศสประกาศแผนเข้าซื้อกิจการบริษัท แชทเทม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นอินเทล คอร์ป และ หุ้นอัลโค อิงค์ เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มผลกำไรที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 85.25 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 10,414.14 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 11.58 จุด หรือ 1.05% ปิดที่ 1,114.05 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 25.97 จุด หรือ 1.17% ปิดที่ 2,237.66 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.01 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.84 พันล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากบันยัน พาร์ทเนอร์ส ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักเนื่องจากตลาดได้แรงหนุนจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงข่าวที่ว่าวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฏหมายปฏิรูปด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสุขภาพทะยานขึ้นเนื่องจากร่างกฏหมายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผลกำไรของธุรกิจสุขภาพน้อยกว่าที่ประเมินกันไว้ในเบื้องต้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับข่าวที่ว่าซาโนฟี-เอเวนติส ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการแชทเทม อิงค์ มูลค่า 1.9 พันล้านดอลลาร์ และข่าวบริษัท บูซีรัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ วางแผนเข้าซื้อกิจการบริษัท เทเร็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นธุรกิจประเภทเดียวกัน มูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ รวมทั้งข่าวที่ว่า บริษัท สปายเคอร์ คาร์ส ยอมรับข้อเสนอใหม่ที่จะซื้อกิจการซาบจากเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม)
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะทะยานขึ้นแข็งแกร่งในปี 2553 โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้น 9.8% เพราะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.25% และกระแสคาดที่ว่าผลประกอบการภาคเอกชนจะขยายตัวขึ้น รวมทั้งกระแสควบรวมกิจการและเข้าซื้อหุ้นในภาคเอกชน
หุ้นอัลโคทะยานขึ้นเกือบ 8% หลังจากบริษัทประกาศร่วมทุนกับบริษัทในซาอุดิอาระเบียมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ หุ้นอัลโคยังได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนสู่ระดับ "overweight" จาก "equal weight" ส่วนหุ้นแชทเทมซึ่งเทรดในตลาด Nasdaq พุ่งขึ้น 33%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้ายของจีดีพี Q3/2009 และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนพ.ย., มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย.
ส่วนวันศุกร์ ไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เนื่องจากตลาดหุ้น ตลาดปริวรรตเงินตรา และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐ ปิดทำการเนื่องในวันคริสต์มาส