QH ปรับแผนเพิ่มลงทุนคอนโดฯ ในปี 53 หลังสาทร-หลังสวนตอบรับดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 23, 2009 15:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสุวรรณา พุทธประสาท กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) กล่าวว่า บริษัทกำลังพิจารณาปรับปรุงแผนธุรกิจในปี 53 ด้วยการเพิ่มการพัฒนาโครงการในรูปแบบคอนโดมิเนียม 2-3 โครงการ ซึ่งเป็นการลงทุนนอกเหนือจากแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้าที่ได้กำหนดไว้แล้ว 13 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท เป็นทาวน์เฮ้าส์ 1 โครงการ อีก 12 โครงการเป็นบ้านเดี่ยว

สาเหตุที่มีการปรับปรุงแผนงานดังกล่าว เนื่องจากเห็นถึงความต้องการอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเห็นได้จากปริมาณการเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมของบริษัทใน 2 โครงการ คือ ที่สาทรและหลังสวน ได้รับการตอบรับที่ดี

ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการคอนโดมืเนียมใหม่บางโครงการมีที่ดินแล้ว และอยู่ระหว่างวางแผนงาน ส่วนเงินลงทุนจะสรุปได้ในไตรมาส 1/53 และจะเริ่มเปิดตัวคอนโดมิเนียม 1 โครงการในไตรมาส 2/53

"เราได้มีการคุยกันถึงเรื่องการทำคอนโดฯ ซึ่งก็เห็นสัญญาณความต้องการในช่วงปลายปี 52 นี้ ว่าคอนโดฯยังมีดีมานด์อยู่และภายใต้ศักยภาพของเราก็ไม่น่าจะยาก เพราะปัจจุบันเราก็มีแบรนด์คอนโดฯอยู่ 3 แบรนด์ คาซ่า คิวเฮ้าส์คอนโดฯ และคิวคอนโดฯ แต่ก็ยอมรับว่าการพัฒนาคอนโดฯถือว่าเป็นแผนนอกเหนือจากการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้า"นางสุวรรณา กล่าว

สำหรับปีหน้าคาดว่ารายได้จะเติบโต 30% มาที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับปีนี้ที่คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ซึ่งใน 5% ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากต้นปีที่เคยมองว่ารายได้ไม่น่าจะเติบโตจากปัจจัยเรื่องการเมืองและประเด็นการเมืองก็ไม่รู้ว่าทิศทางจะไปทางไหน

นางสุวรรณา กล่าวว่า การที่ปีหน้ารายได้เติบโตค่อนข้างมาก เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากคอนโดฯที่เปิดไป 2 โครงการคือที่สาทรและหลังสวน มากกว่า 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่สาทร 2.6 พันล้านบาท และ หลังสวน 600-700 ล้านบาท ซึ่งโครงการที่สาทรขณะนี้มียอดขายแล้ว 80% นอกจากนี้ยังมาจากโครงการเดิมที่จะทยอยรับรู้รายได้หลังจากเปิดขายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ที่ตั้งเป้าปีหน้าโต 30% หรือ 1.5 หมื่นล้านบาทยังไม่ได้รวมสมมุติฐานเรื่องการเมืองเพราะมองว่าเป็นเรื่องคาดเดายากและยอมรับว่าเป็นเรื่องน่ากังวล ขณะที่ปีนี้คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% หรือมาที่ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจาก 9.4 พันล้านบาทในปี 51


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ