บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่(PRANDA) ตั้งเป้าปี 53 จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ 10% จากปี 52 โดยบริษัทฯ วางแผนจะรุกตลาดได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในอินเดีย จีน ออสเตรเลีย และยุโรป โดยแบรนด์ Prima Gold มีแผนที่จะเริ่มทำการตลาดอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้นในอินเดีย แบรนด์ Esse จะเพิ่มการขยายสาขาในเสินเจิ้น และเมืองหลักที่มีศักยภาพของจีน
นอกจากนี้ในประเทศออสเตรเลียจะเน้นการจำหน่ายแบรนด์เครื่องประดับอัญมณี H.Gringoire ซึ่งมีจุดกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส โดยจะวางจำหน่ายในร้านค้าเครื่องประดับระดับกลาง-สูง ส่วนแบรนด์ Baldessarini จะรุกตลาดยุโรปอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่ร้านค้าเครื่องประดับระดับสูง
สำหรับยอดขายตลอดปี 52 น่าจะมียอดขายลดลงประมาณ 10% เป็นผลจากวิกฤติการทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศทั่วโลก ขณะที่ภาพรวมของการส่งออกเครื่องประดับแท้ของประเทศไทยนั้นหดตัวลงมากกว่า 16% ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจและมีอัตราการหดตัวน้อยกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมนั้น มาจาก 2 มาตรการสำคัญ คือ การมุ่งเน้นขยายตลาดใหม่โดยใช้ Brand สินค้าของบริษัทฯเอง และให้ความสำคัญกับตลาดจีน รวมถึงอินเดียเป็นหลัก และการพิจารณาเลือกลูกค้าที่มีคุณภาพและศักยภาพ
ขณะที่เครื่องประดับเงิน เป็นตลาดที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ดีกว่าตลาดเครื่องประดับทอง การผลิตเครื่องประดับเงินมากขึ้นจึงส่งผลต่ออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ของบริษัทฯ เช่นเดียวกับการเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่เป็น Brand ของตนเองเพิ่มมากขึ้น ก็ส่งผลที่ดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นเช่นกัน ประกอบกับการควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นจากการดำเนินธุรกิจตลอดระยะ 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2552 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ปรับตัวดีขึ้น โดยเพิ่มมาเป็น 38% จากเดิมปี 2551 อยู่ที่อัตรา 32% ของยอดขาย