บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ(BAFS)คาดว่าจะสามารถรักษากำไรสุทธิปี 52 ออกมาใกล้เคียงปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 437.73 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะลดลงจากปีก่อน เนื่องจากการฟื้นตัวของรายได้มาเร็วกว่าที่คาดไว้ทำให้อัตราการหดตัวลดน้อยลง ขณะที่บริษัทสามารถควบคุมค่าไช้จ่ายได้ดี
ส่วนปี 53 คาดว่าทั้งรายได้และกำไรจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปลายปีนี้ โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 4% อัตราเดียวกับการเติบโตของปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยาน
"เราลดค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าที่คิดไว้ ทั้งค่าใช้จ่ายบุคคลากร มีการลดเงินเดือน อย่างผมก็ลดเงินเดือนตัวเองไป 20% และลดต้นทุนการบริหาร ก็มีผลให้กำไรปีนี้ได้พอๆกับปีที่แล้ว จากเมื่อต้นปีที่เราคิดว่ากำไรปีนี้แย่แน่ ๆ"ม.ร.ว.ศุภดิศ ดิศกุล กรรมการผู้จัดการ BAFS กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีรายได้กระเตื้องขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/52 ทำให้ทั้งปี 52 จะมีรายได้ราว 2.13 พันล้านบาท ลดลงไม่เกิน 3% น้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 5% ในช่วงก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ พบสัญญาณการฟื้นตัวของปริมาณเติมน้ำมัน โดยในเดือน พ.ย.จะฟื้นตัวเป็นบวก หรือเพิ่มขึ้น 21.85%(YoY) มาอยู่ที่ 363 ล้านลิตร จากในช่วงเดือน ต.ค.52 มีปริมาณเติมน้ำมันติดลบ 0.98% และเห็นได้ชัดในเดือน ธ.ค.52 คาดว่าปริมาณเติมน้ำมันจะมีอัตราเติบโต 30% เทียบกับเดือน ธ.ค.51 ช่วงที่มีการชุมนุมปิดสนามบิน โดยขณะนี้ปริมาณเติบโตมาถึง 23% แล้ว
กรรมการผู้จัดการ BAFS คาดว่า การฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 53 รายได้ของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้น 4% จากปี 52 และปริมาณเติมน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกัน 4% รวมทั้ง จะยังคงมาตรการลดค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าปี 53 จะมีกำไรสุทธิดีกว่าปี 52
"ในปี 53 BAFS จะเริ่มกลับมาเข้มแข็ง สภาพคล่องก็ยังดี ฐานะการเงินเรามั่นคง ตอนนี้หนี้ของเราลดลงไปมาก หนี้ตรงนี้จะครบกำหนดชำระในปี 2557 ซึ่งขณะนี้ D/E ของเราต่ำกว่า 1 เท่าแล้ว"ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าว
ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าวว่า ปัจจัยที่สำคัญในปีหน้า คือ ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตขึ้น โดยจะมีการเดินทางมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวและเงินบาทแข็งค่าเป็นแรงจูงใจให้คนหันมาเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น
*รับจ้างเก็บน้ำมัน เสริมรายได้
กรรมการผู้จัดการ BAFS กล่าวว่า บริษัทได้รับจ้างเก็บน้ำมันดีเซลให้กับเชลล์และคาลเท็กซ์ โดยได้นำถังเก็บน้ำมันอากาศยาน 2 ถังที่มีความจุถังละ 10 ล้านลิตรในสนามบินดอนเมืองมาดัดแปลงเป็นที่จัดเก็บน้ำมันดีเซล โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 20 ล้านบาท คาดว่าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ในบริการส่วนนี้เข้ามาในเดือน ก.ค.53
"บริษัทคิดว่าการรับจ้างเก็บน้ำมันให้กับริษัทน้ำมันจะช่วยเพิ่มรายได้บางส่วน เพราะเรามีถังเก็บน้ำมันในดอนเมืองเรามีอยู่ 5 ถัง ซึ่งเป็นต้นทุนขึ้นมา อีกอย่างน้ำม้นที่อยู่ในถังไม่ได้หมุนเวียนก็ไม่มีคุณภาพ แต่เมื่อเอาน้ำมันออก กลายเป็นถังเปล่าก็จะเกิดอันตรายได้"ม.ร.ว.ศุภดิศ กล่าว
บริษัทยังมีถังเก็บน้ำมันอากาศยานอีก 3 ถัง ความจุถังละ 7 ล้านลิตร หรือ รวมกันได้ 21 ล้านลิตรในสนามบินดอนเมือง ซึ่งสามารถสำรองได้ 140 วัน จากปกติที่จะมีการสำรอง 3-4 วัน อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าสามารถใช้เก็บเป็นที่สำรองน้ำมันเผื่อกรณีที่ต้องใช้สนามบินดอนเมือง แทนสนามบินหลัก
ทั้งนี้ จากการที่ย้ายการบินไปสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันที่สนามบินดอนเมืองลดลง และเมื่อการบินไทยย้ายเที่ยวบินทั้งหมดไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลให้ปริมาณการเติมน้ำมันลดลงไปอีก จนถึงวันนี้เหลือประมาณ 1.5 แสนลิตร/วัน จากเดิมเฉลี่ยวันละ 6.5 แสนลิตร/วัน