(เพิ่มเติม) ส.นักวิเคราะห์ คาด SET Index สิ้นปี 53 อยู่ที่ 812 จุดจาก 726 จุดสิ้นปี 52

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 24, 2009 11:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เผยนักวิเคราะห์ปรับเพิ่มคาดการณ์เป้าหมาย SET Index ปลายปี 52 เป็นเฉลี่ย 726 จุด จากคาดการณ์ครั้งก่อนในเดือน ก.ย.ที่ 674 จุด หลังจากมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ

และคาด SET Index ปลายปี 53 อยู่ที่ 812 จุด จาดการสำรวจครั้งก่อนอยู่ที่ 764 จุด โดยจุดสูงสุดจะอยู่ที่ 845 จุด และต่ำสุดที่ 625 จุด

นอกจากนั้น ยังคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน EPS Growth ทั้งปี 53 จะมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 13.3% โดยกลุ่มธุรกิจที่จะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูงสุด 3 อันดับแรก คือ กลุ่มโรงแรม คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 76.8% กลุ่มปิโตรเคมี เติบโตเฉลี่ย 40.6% และกลุ่มเดินเรือ เติบโตเฉลี่ย 20.39%

ปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย รวมถึงแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าของไทย ทำให้นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 52 จะติดลบ 3.2% ดีกว่าที่เคยคาดว่าจะติดลบ 3.4% และในปีหน้าเศรษฐกิจจะขยายตัวถึง 3.5% สูงกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 3.2%

ขณะที่ค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 53 ประเมินไว้ที่ 32.70 บาท/ดอลลาร์ จาก 33.20 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นปี 52 ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.8% และอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีหน้าอยูที่ 2.8%

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์จากสำนักวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมแสดงความเห็น 20 แห่งเมื่อ 21 ธ.ค.52 โดยพิจารณาปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้าของไทย อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศที่ทรงตัวในระดับต่ำ และแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวดีขึ้น

ส่วนปัจจัยลบ คือ ปัจจัยการเมืองในประเทศรวมถึงเสถียรภาพรัฐบาลและปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ปัญหาโครงการมาบตาพุดที่ยังไม่ชัดเจน แนวโน้มราคาน้ำมันที่อาจปรับสูงขึ้น ความเสี่ยงที่อาจถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาด และปัจจัยอื่นๆ เช่น ความผันผวนของเงินดอลลาร์สหรัฐ อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น วิกฤติการเงินรวมถึงหนี้สินของประเทศในยุโรปและตะวันออกกลาง

สำหรับระดับความเชื่อมั่นของนักวิเคราะห์ต่อความมั่นคงทางการเมือง 50% มั่นใจน้อย เนื่องจากเห็นว่ายังมีความขัดแย้งและแตกแยกระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ความเห็นของคนในสังคม รวมถึงการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ก่อให้เกิดแรงกดดันต่อรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลมีปัญหาต่างๆ มากขึ้น เช่น ความสมพันธ์ระหว่างประเทศ การทุจริตคอรัปชั่น ขณะที่ 40% มั่นใจปานกลาง โดยมองว่ารัฐบาลจะสามารถประคับประคองสถานการณ์ และบริหารประเทศต่อไปได้ แม้จะมีแรงกดดันอยู่ มีเพียง 10% ที่ไม่มั่นใจเลย โดยเห็นว่าประชาชนแบ่งเป็นสองฝ่าย มุ่งแต่เอาชนะกันโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา

ปัญหาในปี 53 ที่ภาครัฐต้องจับตาและเตรียมการรองรับ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าคือปัญหาการเมือง รวมถึงความแตกแยกของคนในประเทศ เสถียรภาพของรัฐบาลและความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ รองลงมาคือปัญหามาบตาพุด และปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ภาคการท่องเที่ยว และต่อเนื่องถึงภาวะการจ้างงาน

ข้อเสนอแนะมาตรการใหม่ในปี 53 ให้รัฐบาลดำเนินการโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ต่อภาวะเศรษฐกิจ สังคม และตลาดทุนไทย อันดับแรก คือ เร่งแก้ปัญหามาบตาพุด ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยต้องสร้างความชัดเจนในแนวทางปฎิบัติ รวมถึงการออกกฎหมาย กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นแนวทางสำหรับโครงการอื่นๆต่อไป

การเร่งรัดการเบิกจ่ายและดำเนินโครงการไทยเข้มแข็งให้รวดเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพ มีการตรวจสอบการดำเนินการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสร้างความสมานฉันท์ในสังคม ประสานผลประโยชน์ ลดความขัดแย้ง สร้างเสถียรภาพรัฐบาล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ