ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเผยตัวเลขว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น นอกจากนี้ การที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มโลหะดีดตัวขึ้นด้วย ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการเร็วกว่าปกติในวันพฤหัสบดีที่ 24 ธ.ค. คือในเวลา 1800 GMT หรือราว 01.00 น.ตามเวลาไทยในวันศุกร์ เนื่องในวันคริสต์มาส อีฟ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 53.66 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 10,520.10 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.89 จุด หรือ 0.53% ปิดที่ 1,126.48 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 16.05 จุด หรือ 0.71% ปิดที่ 2,285.69 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เพียง 319.3 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 613.8 ล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากไอเอ็นจี อินเวสท์เมนท์ เมเนจเมนท์กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกร่วงลง 28,000 คน แตะระดับ 452,000 คนในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งลดลงมากว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ระดับ 470,000 คน และบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐฟื้นตัวขึ้นแล้ว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ซึ่งไม่นับรวมสินค้าที่ใช้ในอุตสาหกรรมการขนส่ง พุ่งขึ้น 2% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ถึงสองเท่า
นอกจากนี้ การอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและโลหะพุ่งขึ้นด้วย โดยดัชนี ICE Futures U.S. dollar index ร่วงลง 0.1% ขณะที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,100 ดอลลาร์/ออนซ์ และราคาน้ำมันดิบ NYMEX ดีดขึ้น 96 เซนต์
อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายในตลาดมีอยู่เพียงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากปลีกตัวออกไปอยู่นอกตลาดเพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาส
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะทะยานขึ้นแข็งแกร่งในปีนี้ โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้น 9.8% เพราะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.25% และเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้น นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะได้รับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการภาคเอกชน รวมทั้งกระแสควบรวมกิจการและเข้าซื้อหุ้นในภาคเอกชน
โกลด์แมน แซคส์ ร่วมกับ International Council of Shopping Centers (ICSC) รายงานว่า ยอดค้าปลีกในสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 19 ธ.ค เพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ซึ่งเป็นสถิติเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 15 สัปดาห์ เนื่องจากหิมะที่ตกหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้ร้านค้าจำนวนมากในสหรัฐต้องปิดทำการ และยังเป็นสาเหตุให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการเดินทางออกจากบ้านแม้ในขณะนี้เป็นเทศกาลจับจ่ายใช้สอยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีก็ตาม ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนจับตาดูยอดค้าปลีกในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีนี้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค.เนื่องในวันคริสต์มาส