บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) รุกการลงทุนในต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะรัสเซียที่คาดว่าจะเติบโตเกินกว่า 50% ระบุมีแผนเข้าซื้อกิจการโรงงานแปรรูปหมูในรัสเซีย 1 แห่ง คาดสรุปดีลได้ในไตรมาส 1/53 พร้อมเดินหน้าบุกตลาดแอฟริกาเต็มที่ ไม่รวมที่ตั้งตั้งงบลงทุนต่อเนื่องในปี 53 วงเงิน 5 พันล้านบาท แบ่งครึ่งหนึ่งใช้ในกิจการต่างประเทศ และอีกครึ่งลงทุนช่องทางจำหน่ายในประเทศ พร้อมเร่งสร้างแบรนด์ CP กว่างขวางขึ้นก่อนจะรุกในตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดกำไรสุทธิปี 52 ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท และมีรายได้ 1.6 แสนล้านบาท ส่วนในปี 53 คาดกำไรดีขึ้นตามรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่ม 10%
"ในรัสเซียมีโอกาสเติบโตมากๆ คิดว่าในปี 53 จะโตเกิน 50% เพราะที่นั่นยังมีขาดแคลนอยู่ เราทำอาหารหมูซึ่งที่นั่นเขามีฟาร์มหมูมาก และเราทำธุรกิจพ่อแม่พันธุ์หมูแล้ว ต่อไปเราจะทำแปรรูปหมู เรากำลังเจรจากับโรงงาน 2-3 รายอยู่ คิดว่าใน 2-3 เดือน หรือประมาณไตรมาสแรกปีหน้าน่าจะได้ความชัดเจน"นายอดิเรก กล่าว
สำหรับงบลงทุน 5 พันล้านบาท แบ่งเป็น 2.5 พันล้านบาทใช้ลงทุนในรัสเซีย , ฟิลิปปินส์ ,ตุรกี และ อินเดีย ซึ่งเป็นการลงทุนขยายธุรกิจต่อเนื่อง นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมดูลู่ทางและลงทุนในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งตนเองมีแผนจะเดินทางไปสำรวจเองในต้นปีหน้า
ส่วนงบลงทุนอีก 2.5 พันล้านบาทจะใช้ในการขยายช่องทางการจำหน่ายในประเทศ ได้แก่ ร้านซีพีเฟรชมาร์ท เพิ่มอีก 1 พันแห่ง โดยแผนในอีก 3 ปีข้างหน้าจะขยายอีก 2 พันแห่ง ขณะที่เพิ่มจุดขายไก่ย่างห้าดาว 1 พันจุด โดยจะเพิ่มเมนูขาย 2 อย่าง คือ ข้าวมันไก่ ขยาย 500 จุด และ บะหมี่เป็ด บะหมี่หมูแดง ขยาย 500 จุด ซึ่งบริษัทจะเน้นการเพิ่มจุดขายเป็นลักษณะเฟรนไชส์
"กลยุทธ์ในปี 53 ซีพีเอฟยังทำต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ สินค้าอาหารยังเป็นที่ต้องการ"นายอดิเรก กล่าว
ทั้งนี้ CPF มีการลงทุนโดยบริษัทเอง และ ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งสิ้น 14 ประเทศแล้ว
*ปี 52 คาดกำไรสุทธิทะลุ 1 หมื่นลบ.,ปี 53 ตั้งเป้ารายได้โต 10%
นายอดิเรก คาดว่า ในปี 52 บริษัทจะมีกำไรสุทธิเกิน 1 หมื่นล้านบาท ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย และค่าเสื่อม(EBITDA)จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท และรายได้ปี 52 มีจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นผลจากการลงทุนในต่างประเทศที่สร้างผลกำไรมาก
"ซีพีเอฟ ปีนี้เป็นปีที่ประสบผลสำเร็จมาก คิดว่าจบปี 52 เราจะมีรายได้ 1.6 หมื่นล้านบาท และมีกำไรโดดเด่นเป็นพิเศษ ยังเหลือไตรมาส 4 ก็น่าจะมีผลกำไรที่ดี"นายอดิเรก กล่าว
ส่วนในปี 53 คาดรายได้จะเติบโต 10% จากปี 52 และจะมีกำไรสุทธิดีขึ้น โดยปีหน้ายอดขายกุ้ง รวมสินค้าสำเร็จรูปที่ใช้กุ้งเป็นส่วนผลิตเติบโต 50% เพิ่มเป็น 5 หมื่นตัน จากปีนี้ที่มียอดขาย 3.5 หมื่นตัน ขณะที่ ยอดส่งออกปีหน้าคาดว่าจะเติบโตราว 10% เป็น 1 แสนตัน จาก 9 หมื่นตัน เนื่องจากโควต้าในอียูเริ่มมีจำกัด
"ยอดขายในปี 53 อาจจะไม่เติบโตแบบก้าวกระโดด แต่สินค้า Food(อาหารสำเร็จรูป)ยังคงเติบโต และภาพการเติบโตจากการลงทุนในต่างประเทศ ก็ยังดีต่อเนื่อง"นายอดิเรก กล่าว
โครงสร้างรายได้ในปีหน้า ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป(FOOD) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 22-25% จากปี 52 ที่มีสัดส่วน 20% และมีเป้าเติบโตเพิ่มเป็น 1 ใน 3 ของรายได้ภายใน 5 ปี ขณะที่รายได้จากการส่งออกจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 18-20% จากปีนี้ส่งออกได้ 17%ของรายได้
ส่วนธุรกิจฟาร์มหรือการเลี้ยงไก่และหมู จะลดลงเหลือ 40% จากปีนี้อยู้ที่ 45% เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และธุรกิจอาหารสัตว์ซึ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิมของบริษัทจะยังคงอยู่ที่ 30%
สำหรับปัจจัยที่บริษัทกังวลในปีหน้า ได้แก่ การเมืองที่ยังไม่นิ่ง , การกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ และปัญหาโรคระบาดในสัตว์