นายภาคภูมิ ภาคย์วิศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลเบล็ก โฮลดิ้ง แมนเนจเม้นท์(GBX)คาดว่าจะได้เห็นราคาทองคำทำจุดสูงสุดที่ 1,250-1,300 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ หรือประมาณบาทละ 19,500-20,500 บาทในช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลที่เป็นช่วง High Season ของ Jewelry Demand และเทศกาลตรุษจีน
และหลังจากนั้นราคาทองคำอาจจะร่วงลงแรงจากการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินสหรัฐฯ จากผ่อนคลายเป็นเข้มงวดขึ้น โดยคาดการณ์จุดต่ำสุดของราคาทองคำในปีหน้าไว้ที่ 1,000-1,050 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ หรือประมาณบาท 15,500-16,500 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 53 ยังคงแนะนำให้นักลงทุนซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น หรือประมาณ 20-30% ของพอร์ตการลงทุน ขณะเดียวกันให้ติดตามการเคลื่อนไหวของตัวเลขเศรษฐกิจโลก รวมถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับสถานะการลงทุน
หากดอลลาร์สหรัฐฯกลับมาแข็งค่าจนเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้น โอกาสที่ราคาทองคำโลกร่วงลงก็มีความเป็นไปได้สูง ดังนั้น ในช่วงจังหวะดังกล่าว จึงแนะให้ปรับกลยุทธ์จากการเก็งกำไรระยะสั้น มาเป็นการซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวในลักษณะ“Dollar Cost Averaging"หรือ การลงทุนแบบทยอยซื้อ
สำหรับการลงทุนในทองคำแท่งช่วงปี 52 นั้น นายภาคภูมิ กล่าวว่า ราคาได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงกว่า 30% ภายในปีเดียว โดยไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไว้ที่ 1,126.37 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ หรือประมาณบาทละ 19,200 บาท ซึ่งทำให้เกิดกระแส“ตื่นทอง"ขึ้นในประเทศไทยตามมา โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ SET Index ย่ำอยู่กับที่เพราะถูกกดดันจากปัญหาการเมืองและกรณีมาบตาพุด ส่งผลให้นักลงทุนหันมาสนใจลงทุนในทองคำแท่ง และ Gold Futures เพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากปริมาณการซื้อขาย Gold Futures ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 5,000 สัญญา/วัน จากเดิมมีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 500 สัญญา/วัน