HSBC เผยผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ลดน้ำหนักในตลาดหุ้น หันเข้าตลาดพันธบัตร

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 28, 2009 17:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารเอชเอสบีซี เผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้จัดการกองทุนรายไตรมาส พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของผู้จัดการกองทุน หรือ 56% มองว่าการลงทุนในตลาดพันธบัตรในไตรมาส 4/52 ยังสดใส และส่วนใหญ่ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น

ผู้จัดการกองทุน 7 ใน 10 รายที่ตอบแบบสำรวจ หรือ 71% มองว่าตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกและตลาดพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงยังน่าลงทุนในไตรมาสสุดท้ายของปี โดยมุมมองดังกล่าวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 43% ในไตรมาสก่อน ผลสำรวจยังพบว่า กว่าครึ่งหนึ่งของผู้จัดการกองทุน 57% เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดพันธบัตรยุโรปในไตรมาส 4/52 เทียบกับ 38% ของไตรมาสก่อน

ผู้จัดการกองทุนยังลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น โดยมีเพียง 1 ใน 3 ของผู้จัดการกองทุน หรือ 33% เท่านั้น ที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นในไตรมาส 4/52 ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

มร. บรูโน ลี ผู้อำนวยการบริหาร แผนกบริหารความมั่งคั่ง ฝ่ายบุคคลธนกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่อัตราดอกเบี้ยตกต่ำ ทำให้นักลงทุนลดการถือครองเงินสดลงในไตรมาสนี้ เนื่องจากต้องการมองหาการเติบโตที่มั่นคงท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังคงผันผวน

แม้ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นจะยังมีโอกาสเติบโต แต่นักลงทุนกลับคาดหวังผลตอบแทนน้อยลง ดังที่เคยได้รับจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงกลางปี ในปีนี้ตลาดพันธบัตรสดใสนำตลาดอื่น ๆ ด้วยผลตอบแทนที่สูง อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนอาจพิจารณาลงทุนระยะสั้นถึงระยะกลางในพันธบัตรของบริษัทชั้นนำ เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย

บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก 13 แห่งที่ธนาคารเอชเอสบีซี จัดสำรวจความเห็นเป็นรายไตรมาสนี้ ยังวิเคราะห์ปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ (FUM) การให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดต่าง ๆ กระแสเงินลงทุนทั่วโลก (Global Money Flows) โดยกระแสเงินทุนสุทธิ (Net Money Flow)2 คำนวณจากความเคลื่อนไหวของปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการ เปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดตราสารประเภทเดียวกัน

ณ วันที่ 30 กันยายน 2009 ปริมาณเงินทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการกองทุนชั้นนำของโลก 13 แห่งที่ร่วมในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้ อยู่ที่ 3.72 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16.5% ของประมาณการปริมาณเงินทุนที่มีอยู่ทั่วโลก (Estimated total global FUM3)

ผลสำรวจยังพบว่า เมื่อสิ้นไตรมาส 3/52 ปริมาณเงินทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ เพิ่มขึ้น 356 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 10.6% จากไตรมาส 2/52 โดยกองทุนหุ้นมีปริมาณเงินเพิ่มขึ้น 208 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ เติบโตเกินกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ 58.5% ของการเติบโตของปริมาณเงินทุนภายใต้การบริหารจัดการโดยรวมในไตรมาส 3/52 ขณะที่กองทุนอื่น ๆ ก็มียอดเงินเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ตลาดพันธบัตรเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง เป็นตลาดที่มีกระแสเงินสุทธิไหลเข้าสูงที่สุด เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้านกองทุนหุ้น พบว่า มีกระแสเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) และตลาดหุ้นอเมริกาเหนือสูงที่สุดในไตรมาส 3/52 สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างกว้างขวาง ตลาดหุ้นเกิดใหม่และตลาดหุ้นจีนยังคงมีกระแสเงินไหลเข้าแม้ว่าจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป

“ในไตรมาส 3/52 นักลงทุนต่างมองหาผลตอบแทนจากตลาดพันธบัตรในภาวะอัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์เต็มที ขณะที่ยังมองหาโอกาสจากการเติบโตของตลาดหุ้นบางแห่ง เช่น ตลาดเอเชีย ซึ่งกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากวิกฤตการเงิน เรายังคงเห็นว่านักลงทุนกำลังจับตามองตลาดอย่างใกล้ชิด ด้วยการเลือกลงทุนแบบระยะสั้น พร้อมที่จะกระจายการลงทุนใหม่ ปรับพอร์ตการลงทุนของตนเอง เพื่อผลตอบแทนสูงสุด”

เอชเอสบีซี ได้จัดทำ HSBC Fund Flow Tracker ซึ่งเป็นดัชนีวัดกระแสเงินลงทุนสะสมทั้งหมดเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐตลอดระยะเวลา 13 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงกระแสเงินที่ไหลเข้ากองทุนหุ้นลดลงในไตรมาส 3/52 และกระแสเงินไหลเข้าสุทธิ (Net inflows) ในไตรมาส 3/52 ในกองทุนพันธบัตรพุ่งขึ้นสูงสุดเทียบเท่ากับไตรมาส 1/50 และไตรมาส 2/50


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ