CGS คาดปี 52 มีกำไร แม้ H1/52 ขาดทุน, ปี 53 กำไรทั้งปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 29, 2009 14:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่กรุ๊ป (CGS) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 53 บริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้ต่อเนื่อง และมากกว่าปี 52 ที่คาดว่าบริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรได้ จากครึ่งปีแรก ที่ขาดทุน 164 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทได้มีการเพิ่มทีมงานการตลาดที่เข้ามาใหม่ จำนวน 40 คน คาดว่าจะเริ่มงานได้ในไตรมาส 1/53 จากปัจจุบันที่มีทีมการตลาดทั้งหมด 600 คน ถึงแม้จะเริ่มมีการใช้ค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันไดในปี 53

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนในการเพิ่มรายได้ในส่วนที่ไม่ใช่รายได้จากค่าคอมมิชชั่น รวมถึงการเพิ่มวงเงินพอร์ตลงทุน ในปี 53 เป็น 150 ล้านบาท จาก 100 ล้านบาทในปี 52 ซึ่งคาดว่า คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาอนุมัติภายในสิ้นเดือน ธ.ค.52

ทั้งนี้ในส่วนของรายได้จากค่านายหน้าการซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerate) บริษัทมีแผนที่จะทยอยลดสัดส่วนรายได้เหลือ 60% ในปี 53 จากปัจจุบันอยู่ที่ 80% และลดเหลือ 50%ในปี 54 ขณะที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของ Non-Brokerate มากขึ้น ทั้งในส่วนของ LTF, Gold Future , การซื้อขายต่างประเทศ และ TFEX ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 5-6% ของรายได้รวม รวมถึงการหาธุรกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น SBL ที่ขณะนี้ได้ยื่นขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

อย่างไรก็ตาม บริษัทพร้อมที่จะคิดค่าคอมมิชชั่นในส่วนของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เกิน 20 ล้านบาท ที่ 0% ในเวลา 3 เดือน เช่นเดียวกับ บล.นครหลวงไทย เนื่องจากจะเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิม และคาดว่าจะช่วยเพิ่มลูกค้าบัญชีใหม่ มากกว่า 100 บัญชี ซึ่งปัจจุบัน บริษัทมีจำนวนลูกค้ากว่า 3 หมื่นบัญชี เป็นบัญชี ACTIVE 30% และมีลูกค้าที่มีการซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาท จำนวน 10-15% ของปริมาณการซื้อขายรวม ขณะเดียวกัน จะเป็นการทำให้การเพิ่มจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่เป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ที่ 1 แสนรายภายในปี 53

"เราพร้อมที่จะใช้ 0% กับลูกค้าที่ซื้อขายเกิน 20 ล้านบาทต่อวันเหมือนกัน เพราะถ้าเราไม่ทำ เราก็ต้องเสียลูกค้า และถ้าที่มีความกังวลว่าสมาคมฯจะขับหรือไม่ ก็ต้องมาคุยกันอีกที ว่าสมาคมจะเอาอย่างไร เพราะหากเราไม่ทำ เราก็ซวย ถูกแย่งลูกค้าไปหมด" นายประสิทธิ์ กล่าว

นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่มีการคิดค่าคอมมิชชชั่นการซื้อขายหลักทรัพย์เกิน 20 ล้านบาท ที่ 0% เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อโบรกเกอร์ขนาดเล็ก ที่มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ไม่เกิน 2% แต่โบรกเกอร์รายใหญ่ คงไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นเห็นว่าโบรกเกอร์ขนาดเล็ก ควรที่จะแสดงจุดยืนทางธุรกิจที่ชัดเจนว่า มีเป้าหมายดำเนินธุรกิจอย่างไร


แท็ก (CGS)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ