โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ศุภาลัย(SPALI)คาดกำไรสุทธิปี 52 เติบโตกว่า 100% จากปีก่อน เนื่องมาจากยอดขายที่เติบโตขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิน)ยังเติบโตได้ดี อีกทั้งคาดว่ายอดขายในปีหน้ายังเติบโตได้ดี จากยอดขายที่น่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีนี้
SPALI มีงานในมือ(Backlog)ที่รอรับรู้รายได้ในปีหน้าประมาณเกือบ 6,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มี Backlog อยู่ประมาณ 13,000-14,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาหุ้น SPALI ปัจจุบันยังเทรดด้วย valuation ที่ถูกอยู่ โดยคิดเป็นค่า P/E เพียงแค่ 5 เท่า ขณะที่เมื่อเทียบกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะมีการเทรดเกือบ 10 เท่า อีกทั้งจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งอีกด้วย โดยครึ่งปีแรกจ่ายไปแล้ว 0.15 บาท/หุ้น ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะจ่ายอีกราว 0.30-0.38 บาท/หุ้น ถือเป็นหุ้นปันผลเด่นและให้ Divident yield สูง
โบรกฯ คาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ในช่วง 2,300-2,402 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 1,069 ล้านบาท เป็นผลจากยอดขายที่เติบโตดีขึ้น ส่วนปี 53 กำไรสุทธิน่าจะอยู่ในช่วง 2,000-2,537 ล้านบาท ซึ่งอาจลดลงจากปีนี้เล็กน้อย เนื่องจากในเดือนมีนาคมจะหมดอายุมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ก็ต้องรอดูว่าทางการจะต่ออายุมาตรการออกไปหรือไม่
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย
บล.ทิสโก้ ซื้อ 8.00
บล.ทรีนิตี้ ซื้อ 8.50
บล.กสิกรไทย ซื้อ 7.50
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 5.85
บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 8.87
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 8.00
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 7.20
บล.นครหลวงไทย ซื้อ 7.00
นายปรเมศร์ ทองบัว ผู้อำนวยการสำนักวิจัย บล.ทิสโก้ แนะ"ซื้อ"หุ้น SPALI ด้วยราคาเป้าหมายที่ 8 บาท/หุ้น เนื่องจากคาดว่ายอดขายในปีหน้าจะยังมีการเติบโตอยู่ โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มอีก 400 ล้านบาทจากปี 52 ที่คาดว่าจะมียอดขาย 9,000 ล้านบาท และปีหน้าก็คาดว่าจะมียอดขาย 9,400 ล้านบาท
นอกจากนี้ ราคาหุ้น SPALI ในปัจจุบันยังเทรดด้วย valuation ที่ยังถูกอยู่ โดยคิดเป็นค่า P/E เพียงแค่ 5 เท่า ขณะที่เมื่อเทียบกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะมีการเทรดเกือบ 10 เท่า
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 52 ไว้ที่ 2,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 1,069 ล้านบาท เป็นผลจากยอดขายที่โตขึ้นถึง 9,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 51 มียอดขายเพียง 6,000 ล้านบาทเศษเท่านั้น สำหรับปี 53 คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท ลดลงจากปีนี้ เนื่องจากมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จะหมดอายุลงในเดือน มี.ค.53
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า SPALI มียอดขายดีขึ้นมาโดยตลอด และในไตรมาส 4/52 ก็มียอดขายที่น่าประทับใจ โดยปัจจุบันมีงานในมือ(backlog)กว่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่าน่าจะยังสร้างรายได้ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ SPALI ยังมีการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้งอีกด้วย โดยในครึ่งหลังปี 52 คาดว่าจะจ่ายปันผลอีก 0.30 บาท/หุ้น ซึ่ง SPALI มักจะให้ Divident Yield ประมาณกว่า 8% ขึ้นไป ถือว่าให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ลงทุน อีกทั้งราคาหุ้น SPALI ยังเทรดด้วยค่า P/E ที่ต่ำแค่ 5 เท่า
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของ SPALI ในปี 53 ไว้ที่ 2,537 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.48 บาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2,402 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.40 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิเพียงแค่ 1,069 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นการรับผลจากที่ยอดขายเติบโตดีในปีนี้
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ แนะ"ซื้อ"หุ้น SPALI เนื่องจากกำไรสุทธิในปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท เติบโตกว่า 120% จากปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 1,069 ล้านบาท จากปีนี้ยอดขายจะเติบโตมากและอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิน)ก็เติบโตดี โดยปีนี้ SPALI มีการโอนคอนโดมากและมาร์จินปีนี้โตดีมากถึง 43% สูงกว่าปี 51 ที่มีมาร์จิน 39%
และคาดว่ามาร์จินในปี 53 อาจจะลดลงมาที่ 41% ตามที่คาดว่ากำไรสุทธิในปีหน้าจะลดลงจากปีนี้เล็กน้อย โดยน่าจะมีกำไรสุทธิ 2,080 ล้านบาท เนื่องจากการสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนภาษีฯ อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของ SPALI น่าจะยังเติบโตดีอยู่ เพราะมี Backlog ที่รอรับรู้รายได้ในปีหน้าอยู่ประมาณเกือบ 6,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มี Backlog อยู่ประมาณ 13,000-14,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ SPALI มีการจ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง โดยในครึ่งแรกปีนี้จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 0.15 บาท/หุ้น คาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลในครึ่งหลังปีนี้อีกประมาณ 0.38 บาท/หุ้น ซึ่งหุ้น SPALI ถือว่าเป็นหุ้นปันผลเด่น และให้ Divident yield ที่สูง
นักวิเคราะห์ฯ ทรีนิตี้ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 4/52 ยอดขายของ SPALI มีการเติบโตก้าวกระโดด เนื่องจากมีการเปิดขายคอนโดมิเนียมไป 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,700 ล้านบาท และมียอดจองซื้อสูงเป็นที่น่าพอใจ แม้ว่าการเปิดขายโครงการในครั้งนี้จะต้องไปรอรับรู้ในอีก 2 ปีข้างหน้าก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นอนาคตที่ดี