(เพิ่มเติม) "โสภาวดี เลิศมนัสชัย"ข้ามห้วยนั่ง เลขาฯ กบข.คนใหม่ ตั้งเงื่อนไขห้ามเล่นหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 30, 2009 12:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.)มีมติให้ลงนามในสัญญาว่าจ้างนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เป็นเลขาธิการ กบข. แทนนายวิสิฐ ตันติสุนทร ที่ได้ลาออกจากตำแหน่งไป โดยจะเริ่มงานได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.53 เป็นต้นไป

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ กบข. กล่าวว่า การที่คณะกรรมการ กบข. มีมติเลือก นางสาวโสภาวดีเป็น เลขาธิการ กบข.คนใหม่ โดยมีความเชื่อมั่นในประสบการณ์การทำงาน ที่จะสามารถดูแลสมาชิกกว่า 1.18 ล้านคนทั่วประเทศเพื่อให้รู้สึกในการมีส่วนร่วมกับกบข.อย่างแท้จริง และยังเชื่อว่าเลขาธิการ กบข.คนใหม่จะสามารถสื่อสาร ทำความเข้าใจกับกับสมาชิกได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ในสัญญาว่าจ้างกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับกรอบการลงทุนของเลขาธิการ กบข.ไว้ชัดเจน ที่ไม่สามารถเข้าไปซื้อหุ้นใดๆ หรือซื้อหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงได้ แต่ได้เปิดช่องไว้ว่า หากเป็นการถือหุ้นเดิมที่มีอยู่ก่อนรับตำแหน่ง สามารถที่จะคงสิทธิการถือหุ้นดังกล่าวไว้ได้ต่อไป นอกจากนี้ เลขาธิการกบข.และครอบครัว จะต้องมีการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ภายใน 15 วัน หลังการลงนามในสัญญาว่าจ้างด้วย

"ข้อเท็จจริงไม่รู้ว่าคุณโสภาวดีมีการถือหุ้นอะไรหรือไม่ แต่เราก็ให้คงสิทธิเดิมไว้หากเป็นการถือหุ้นก่อนรับตำแหน่ง และท่านจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นสิทธิของท่าน ซึ่งกำหนดอยู่ในเงื่อนไขสัญญา" นายสถิตย์ กล่าว

ด้านนางสาวโสภาวดี กล่าวแสดงความขอบคุณที่คณะกรรมการ กบข. ไว้วางใจเลือกตนเองเข้ามารับตำแหน่ง โดยยืนยันที่จะใช้ประสบการณ์การทำงานในแวดวงตลาดทุนกว่า 30 ปี ทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และเชือมโยงการออมและการลงทุน โดยกบข.มีพันธกิจในการสร้างหลักประกันให้ข้าราชการ และขอสานต่อการทำงานในการเรียกคืนความเชื่อมั่นจากสมาชิกที่ขอให้ไว้วางใจในการทำงานของกบข.ที่มีความโปร่งใส และมีหลักธรรมาภิบาลที่ดี

สำหรับเงื่อนไขสัญญาว่าจ้างที่กำหนดการห้ามซื้อขายหุ้นใดๆ และหุ้นแบบเฉพาะเจาะจงนั้น ปัจจุบันตนเองไม่มีการลงทุนในหลักทรัพย์ใดๆ เว้นแต่การลงทุนในกองทุนรวมเท่านั้น ดังนั้นเงื่อนไขในสัญญาว่าจ้าง ไม่ได้เป็นปัญหาใดๆ ในการทำงาน

เลขาธิการ กบข. ยังอีกว่า จากทิศทางการลงทุนในปี 53 ที่หลายสำนักต่างให้ความเห็นว่า การลงทุนจะปรับตัวดีขึ้น ตามเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องที่คาดว่าจะเติบโต 3-5% จึงเชื่อว่าสถานการณ์การลงทุนจะปรับตัวดีขึ้นตาม

ส่วนนโยบายการลงทุนของ กบข.ในปี 53 ตนเองขอเวลา 30 วันหลังการเซ็นสัญญาว่าจ้าง ศึกษาข้อมูลต่างๆ รวมถึงพิจารณาภาวะเศรษฐกิจ และแผนงานของ กบข. เพื่อหารือกับคณะกรรมการต่อไป

อย่างไรก็ตามยอมรับว่า การลงทุนของกบข.ในระยะยาว อาจจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้น โดยจะเลือกลงทุนในหุ้นไทยก่อน แต่จะเพิ่มการลงทุนไม่มาก เพื่อไม่ให้ส่งผลให้เกิดการลงทุนที่ผันผวนเกินไป โดยปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนของ กบข. เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ไทย 69.49% ตราสารหนี้ต่างประเทศ 4.21% อสังหาริมทรัพย์ 4.08% การลงทุนทางเลือกอื่นๆ 3.62% ตราสารทุนไทย 9.22% ทุนต่างประเทศ 9.38%

ประธานกรรมการ กบข. กล่าวผลการดำเนินงานของกบข.ในปี 52 ว่า ตั้งแต่ ม.ค.-24 ธ.ค.52 การลงทุนของกบข.สร้างผลตอบแทนสะสมได้ 8.71% คิดเป็นเงิน 27,5323.93 ล้านบาท มีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิส่วนของเงินสมาชิก (ไม่รวมเงินสำรอง) จำนวน 333,929.19 ล้านบาท จากปี 51 ที่การลงทุนของกบข.มีผลตอบแทนติดลบที่ 5.17% คิดเป็นเงิน 16,997 ล้านบาท

โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อผลประกอบการกบข.ปรับตัวดีขึ้นมาจากภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปรับตัวสูงขึ้นจาก 449.96 จุด ณ สิ้นปี 51 มาอยู่ที่ 730.41 ณ สิ้นปี 52 หรือเพิ่มขึ้น 62.33% หลังจากเศรษฐกิจโลกมีสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นช่วงครึ่งหลังปี 52 อีกทั้งรัฐบาลทั่วโลกใช้นโยบายการเงินการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของการลงทุนในตลาดหุ้นดีขึ้น

นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้น ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มสดใสตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตขึ้น จึงคาดว่าสิ้นปีดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวในทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ