GFPT คาดรายได้โต 10-15% จากปี 52 รง.ไก่แปรรูปใหม่หนุน-ส่งออกเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 4, 2010 14:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.จีเอฟพีที(GFPT)ผู้ผลิตและจำหน่ายเนื้อไก่รายใหญ่ คาดรายได้ปี 53 เติบโต 10-15% จากปี 52 ที่คาดว่าจะทำได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท จากปริมาณขายเพิ่มขึ้นทั้งจากโรงงานไก่แปรรูปและการส่งออกเพิ่มขึ้น 10% พร้อมคาดว่ากำไรในปีนี้สูงกว่าปี 52 ตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ไว้ที่ระดับ 5% มองไปข้างหน้าปี 54 รายได้และกำไรจะเติบโตก้าวกระโดดเป็น 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท จากการรับรู้รายได้โรงงานไก่แปรรูปแห่งใหม่เต็มปี พร้อมวางแผนสร้างแบรนด์ตัวเองในอนาคต

"รายได้ปี 52 คาดว่าจะได้ 1 หมื่นล้านบาท ปี 53 เราคาดการณ์ว่าควรจะเพิ่มขึ้น 10% เป็นอย่างน้อย หรือ โตขึ้นประมาณ 10-15% เพราะเรามีวอลุ่มขายเพิ่มขึ้น" น.ส.จุฑามาส อิงโพธิ์ชัย ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ GFPT กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

บริษัทมีรายได้ขายไก่เป็นเพิ่มขึ้นให้กับโรงงานไก่แปรรูป ซึ่งเป็นโรงงานที่บริษัทร่วมทุนกับบริษัท นิชิเร ฟูดส์ อิงค์ ภายใต้บริษัท จีเอฟพีที นิชิเร(ประเทศไทย)จำกัด(GFN) โดยโรงงานแห่งนี้มีกำลังการผลิต 1 แสนตัว/วัน เริ่มทำการผลิตได้กลางปี 53 หรือครึ่งหลังปี

และในปี 54 รายได้จะเติบโตก้าวกระโดด เพราะการร่วมทุนนิชิเรฯ จะทำให้ฐานรายได้บริษัทเติบโต 30-40% จากปี 51 หรืออาจเพิ่มเป็น 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท เพราะจะรับรู้รายได้จากโรงงานไก่แปรรูปแห่งใหม่เต็มปี และ กำไรสุทธิย่อมเติบโตตาม และเชื่อว่าหลังจากนี้ผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

ขณะเดียวกัน ปริมาณการส่งออกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 10% โดยคาดว่าราคาไก่แปรรูปไม่น่าจะต่ำกว่าราคาปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 3.5-4.0 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน จากความต้องการเพิ่มขึ้นหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ซึ่งตลาดส่งออกหลัก คือ ญี่ปุ่น กับ อียู สัดส่วนตลาดละ 50% ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 40% ของรายได้รวม และอีก 60% เป็นตลาดในประเทศ

สำหรับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ มองว่าแนวโน้มปี 53 จะเพิ่มขึ้น หลังจากที่ราคาในปี 52 ได้ปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 51 เพราะฉะนั้น หากราคาวัตถุดิบ เช่น กากถั่วเหลือง และข้าวโพด อยู่ในราคาใกล้เคียงกับปี 52 ก็ถือว่าโอเค แต่เนื่องจากเศรษฐกิจดีขึ้น ราคาน้ำมันเพิ่ม ก็อาจมีการนำผลผลิตทางการเกษตรไปทำเป็นพลังงานทดแทน แม้ว่าคงไม่มากเท่ากับปี 51 จึงไม่เห็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาวัตถุดิบถูกลง

อย่างไรก็ตาม หากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น บริษัทก็อาจขยับราคาขึ้นเพื่อรักษาฐานอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ประมาณ 15% ซึ่งโดยปกติอัตรากำไรขั้นต้น(gross profit margin)ของธุรกิจการเกษตรจะไม่สูงอยู่แล้ว และคาดว่าในปี 53 จะรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 5%

ส่วนในปี 52 ผลประกอบการดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะต้นปีมีวิกฤตเศรษฐกิจจึงคิดว่าปีนี้อาจจะไม่เติบโต หรือทรงตัว แต่สิ้นปี 52 คาดว่ารายได้จะยังคงเติบโตประมาณ 5% และ Net Profit Margin ได้เกินเป้าหมายที่ 5%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนสร้างแบรนด์ตัวเองเพื่อรุกตลาดค้าปลีกในอนาคต จากปัจจุบันบริษัผลิตไก่แปรรูปเพื่อส่งออก 40% ในรูปแบบรับจ้างผลิต(OEM)โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม

*ลงทุนฟาร์มใหม่ต่อเนื่องในปี 53 อีก 400-500 ลบ.

น.ส.จุฑามาส กล่าวว่า ปี 52 มีการขยายฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อที่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ซึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท และบริษัทจะลงทุนต่อเนื่องในปี 53 ใช้เงินลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างและจะเริ่มผลิตเพิ่มได้ในกลางปีนี้ เพื่อป้อนเข้าโรงงานไก่แปรรูปแห่งใหม่

ทั้งนี้ โรงงานไก่แปรรูป ซึ่งบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท นิชิเร ฟูดส์ อิงค์ คาดว่าการดำเนินงานในปีแรก หรือปี 53 ยังไม่มีกำไร แต่ในปี 54 คาดว่าจะมีกำไร และมีจุดคุ้มทุนภายใน 5 ปี โดยตลาดส่งออกหลักคือ ญี่ปุ่น และอียูเป็นตลาดรอง

"โรงงานนี้จะผลิตในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ เพราะฉะนั้นเรามีแนวโน้มขยายตัวแน่นอนอยู่แล้ว โดยในปีนี้โรงงานใหม่จะเดินเครื่องไม่เต็มปี ปีแรกเดินเครื่องได้ 50%"น.ส.จุฑามาส กล่าว

ทั้งนี้ โรงงานนี้มีกำลังการผลิตไก่แปรรูป 1 แสนตัว/วัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ