โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้นบมจ.ผาแดงอินดัสทรี(PDI)มองกำไรปี 53 เติบโตตามราคาสังกะสีโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นตามความต้องการตลาด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้าง และเชื่อว่าราคาสังกะสีอาจทำนิวไฮในไตรมาสแรกของปี 53 แต่ครึ่งหลังก็จะย่อตัวลง ทั้งนี้ คาดปี 53 กำไรสุทธิอยู่ในช่วง 306-519 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมามีการไล่ราคาใกล้เต็มมูลค่า upside เหลืออยู่ค่อนข้างน้อย
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.กิมเอ็ง เก็งกำไร 23.00 บล.ฟินันเซียไซรัส ซื้อ 23.00 บล.ฟิลลิป ถือ 20.40 สถาบันวิจัยนครหลวงไทย เก็งกำไร 21.30-22.35 (ทางเทคนิค)
นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า ราคาหุ้น PDI ปรับตัวขึ้นตามราคาสังกะสีโลก(LME)ทำให้ upside เหลืออยู่น้อย โดยราคาขณะนี้ขยับขึ้นไปที่ประมาณ 2,560 เหรียญ/ตัน จากต้นปี 52 ราคาอยู่ที่ 1,200 เหรียญ/ตัน
แนวโน้มราคาสังกะสีในปี 53 มีโอกาสปรับขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ก็ยังต้องรอดูว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างแท้จริงหรือไม่ และความต้องการใช้เพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ขึ้นกับอุตสาหกรรมรถยนต์และก่อสร้าง ประกอบกับ หากค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวก็จะหนุนให้ราคาสังกะสีปรับตัวขึ้นได้
ทั้งนี้ คาดว่าราคาเฉลี่ยในปี 53 อยู่ที่ 2,500 เหรียญ/ตัน สูงจากปี 52 ที่มีราคาเฉลี่ย 1,600 เหรียญ/ตัน ส่งผลให้กำไรของ PDI ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าปี 53 จะมีกำไร 519 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.30 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่คาดว่าจะมีกำไร 350 ล้านบาท หรือมีกำไรต่อหุ้น 1.55 บาท
"ปีที่ผ่านมาได้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวหนุนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่ปีนี้รอดีมานด์มา support...แนะให้แค่ซื้อเก็งกำไร เพราะหุ้นขึ้นมาเยอะแล้ว มี upside น้อย"นายกิตติชาญ กล่าว
ส่วน น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซียไซรัส คาดว่า ราคาสังกะสีปี 53 จะเพิ่มขึ้น 15.3% ราคาเฉลี่ยทั้งปี 53 เพิ่มเป็น 1,862 เหรียญ/ตัน โดยอาจจะทำจุดสูงสุดใหม่ในไตรมาส 1/53
"ที่ให้"ซื้อ"เพราะช่วงต้นปีไม่เกินกลางปีราคาสังกะสียังเป็นขาขึ้นอยู่ และถ้าราคาสังกะสีดีผลประกอบการ PDI ก็จะดี"น.ส.จิตรา กล่าว
แม้ว่าผู้บริหารของ PDI จะมองว่าราคาสังกะสีขณะนี้สูงเกินปัจจัยพื้นฐานเมื่อคำนึงถึงผู้ใช้หลักคืออุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้างที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่และการฟื้นตัวก็ยังค่อนข้างเปราะบาง แต่เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ราคาสังกะสีจะปรับตัวขึ้น หรืออย่างน้อยทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปได้จนถึงครึ่งปีแรกของปีนี้ จากปัจจัยสนับสนุนหลัก คือ ค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอ่อนค่า อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกยังอยู่ในระดับต่ำ และการถอนสภาพคล่อง(Exit strategy)ของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกที่ยังค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ยังมีการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ
น.ส.จิตรา คาดว่า PDI จะมีกำไร 306.8 ล้านบาทในปี 53 สูงขึ้น 52.8% อยู่บนสมมติฐานราคาเฉลี่ยสังกะสีที่เพิ่มขึ้น 15.3% จากกำไรปกติ(ไม่รวมรายการพิเศษ)ในปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ 200.8 ล้านบาท(งวด 9 เดือน 52 ขาดทุน 51.3 ล้านบาท)เราประเมินราคาหุ้นของ PDI ได้ที่ 23.00 บาท โดยอิง PE ปี 53 ที่ 16 เท่า คิดเป็น PBV เพียง 1.1 เท่า ต่ำกว่า PBV เฉลี่ยในอดีตที่ซื้อขายที่ 1.6 เท่า
ด้านนายสยาม ติยานนท์ นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดสังกะสีปี 53 ขึ้นอยู่ความต้องการของตลาดเป็นตัวชี้วัด โดยเฉพาะจากอุตสาหกรรมยานยนต์และก่อสร้างที่ต้องใช้สังกะสีเป็นวัตถุดิบ ซึ่งคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มฟื้นตัวแล้วและเริ่มเห็นความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
ประเมินว่ากำไรของ PDI ในปี 53 จะอยู่ที่ 331 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 52 ที่คาดว่ามีกำไร 254 ล้านนบาท อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทใช้สินแร่ในประเทศน้อยลง จากเดิมใช้สัดส่วน 40-50% เหลือ 20-30% ในปัจจุบัน ส่งผลต่อความสามารถการทำกำไรของบริษัท เพราะต้องนำเข้าสินแร่ที่มีราคาตามตลาดโลก แต่ปี 52 ที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรจากสต็อกเข้ามาช่วย
"เราแนะนำ"ถือ"เพราะราคาสูงกว่าราคาเป้าหมายไม่เกิน 15% ... ต้องรอดูสถานการณ์ความต้องการสังกะสีก่อน จึงค่อยๆลงทุน" นายสยาม กล่าว