ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 155.91 จุด ขานรับภาคการผลิตทั่วโลกขยายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 5, 2010 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (4 ม.ค.) ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของปีพ.ศ.2553 หลังจากสหรัฐ จีน ยุโรป และอังกฤษเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังทะยานสู่ช่วงขาขึ้น นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 155.91 จุด หรือ 1.50% ปิดที่ 10,583.96 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 17.89 จุด หรือ 1.60% ปิดที่ 1,132.99 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 39.27 จุด หรือ 1.73% ปิดที่ 2,308.42 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.01 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.95 พันล้านหุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของสหรัฐ จีน ยุโรป และอังกฤษ โดยเมื่อคืนนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานว่าดัชนีกิจกรรมของโรงงานทั่วประเทศในสหรัฐ ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดสถานะของภาคการผลิต ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 55.9 จุดในเดือนธ.ค. จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 53.6 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 54.3 จุด โดยดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิต

ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคการผลิตในประเทศจีน พุ่งขึ้นแตะระดับ 56.6 จุดในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.4% จากเดือนพ.ย. ทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตใน 16 ประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือน ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอังกฤษทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน

นักวิเคราะห์จากบริษัท สตีเฟล นิโคลัส แอนด์ โค ในรัฐเพนซิลวาเนียกล่าวว่า นอกเหนือจากข้อมูลภาคการผลิตทั่วโลกที่แข็งแกร่งแล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ ซึ่งเป็นผลมาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง อีกทั้งยังได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากนักวิเคราะห์ของโรเบิร์ต ดับเบิลยู แบรด แอนด์ โค ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นอินเทล คอร์ป สู่ระดับ "outperform"

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนพ.ย. และ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค. วันอังคารกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนพ.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. วันพุธ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค. และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดีกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ