นายปิติพงศ์ พิศาลบุตร กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.นวกิจประกันภัย(NKI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทฯได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยในปี 53 เติบโตประมาณ 6% จากปี 52 เนื่องจากมองว่าธุรกิจประกันภัยในปีนี้น่าจะดีขึ้น และบริษัทฯก็พยายามหาตลาดใหม่ ๆ โดยบริษัทฯยังคงเน้นหันไปจับตลาด personel line ให้มากขึ้น
"ตลาดเบี้ยประกันภัยในปีนี้น่าจะดีขึ้น ในส่วนของเราก็พยายามจะหาตลาดใหม่ ซึ่งใน 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าเราพยายามสร้างแบรนด์ และพยายามส่งเสริมในเรื่องของ personel line มากขึ้น โดยเบี้ยประกันภัยในปี 2553 ก็ว่าจะเพิ่มประมาณ 6% จากปี 2552"นายปิติพงศ์ กล่าว
*หวัง"นิปปอนฯ"ส่งลูกค้าให้ 80-100 ลบ.ในปี 53 จากปี 52 ส่งกว่า 40 ลบ.
กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท นิปปอน โคอะ อินชัวรันส์ จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ในปี 52 ที่ผ่านมาทาง นิปปอนฯ ก็ได้ส่งลูกค้าประกันมาให้กว่า 40 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นไรเนื่องจากเป็นปีที่แล้วเป็นปีแรกที่ได้ร่วมมือกัน แต่ในปี 53 บริษัทฯมีความคาดหวังจะได้รับลูกค้าจากทาง นิปปอนฯ ประมาณ 80-100 ล้านบาท
"ตอนนี้ก็ได้เริ่มรับงานรายใหญ่ ๆ เพิ่มเข้ามา ก็ในส่วนเบี้ยประกันภัยทรัพย์สินของเรา ก็จะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เพราะได้ลูกค้ามาจากนิปปอนฯ และเขาก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเบี้ยประกันภัยที่ทางนิปปอนฯส่งเข้ามาเมื่อปีที่แล้วก็มีประมาณ 40 กว่าล้าน ก็ต้องทยอยเข้ามานะครับ แต่ถ้าถามว่าต่ำกว่าเป้าหมายไหม มันก็ต่ำกว่านิดหน่อย แต่ไม่มากเท่าไร เพราะเราก็ถือว่ามันเป็นปีแรก การที่จะเข้ามา มันก็ไม่ใช่ทุกราย บางรายก็ยังยึดติดอยู่กับที่โน่น แต่ว่าก็ทยอยเข้ามา
แต่เราก็พยายามที่จะหาลูกค้าใหม่ ๆ และ product ใหม่ ๆ ไปเสริมให้กับทางเขาด้วย อย่างประกันสุขภาพ หรือพวกโรงงานเราก็พยายามขายต่อเนื่อง และพยายามหางานเพิ่มในส่วนของกลุ่มลูกค้า"กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าว
อนึ่ง นิปปอน โคอะฯ ได้มีสัดส่วนการถือหุ้นใน NKI ราว 10%
*คาดผลดำเนินงานปี 52 ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย เหตุเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ
นายปิติพงศ์ กล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 52 คาดว่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย เนื่องจากในช่วงต้นปีก็ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังก็ดีขึ้น อย่างประกันมารีนก็หายไปมาก ซึ่งก็เป็นผลจากที่การส่งออกหายไป
"เบี้ยประกันภัยในปีนี้อาจจะไม่ดีเท่ากับปีที่ผ่านมา เพราะเบี้ยประกันลดลง ส่วนใหญ่บริษัทฯยังคงเน้นทำประกันรถยนต์เป็นหลักในสัดส่วน 70% ที่เหลืออีก 30% เป็นพวกมารีน, รถขนเหล็ก ซึ่งมารีนไม่ค่อยดี มีสัดส่วนที่ลดลง เพราะการส่งออกลดลง ทำให้สัดส่วนประกันรถยนต์เพิ่มขึ้น และเดี๋ยวนี้มาร์จินก็ลดลงกว่าเมื่อก่อนนี้ เพราะการแข่งขันที่มันสูง และมีการปรับราคากัน"นายปิติพงศ์ กล่าว
*กำลังปรับเปลี่ยนระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับกับเกณฑ์ RBC
กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าวถึงกรณีที่จะมีการนำเกณฑ์การดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยง(Riskbased:RBC) เข้ามาใช้นั้น ว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อรองรับเกณฑ์ RBC ซึ่งจากการคำนวนคร่าว ๆ ก็คาดว่าบริษัทฯจะผ่านเกณฑ์นี้ได้ และเวลานี้บริษัทฯก็ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อไปศึกษาระเบียบของรัฐฯ ที่จะต้องนำมาใช้กับบริษัทฯ โดยในปี 53 ก็คิดว่าน่าที่จะเริ่มนำ data ต่าง ๆ เข้ามา และรัฐฯคงจะเริ่มให้ใช้เกณฑ์ RBC จริงในปี 54
"ตอนนี้เราก็อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงระบบเพื่อให้รองรับกับเกณฑ์ RBC โดยเราต้องดึงข้อมูลในระบบมาใช้ในการคำนวน RBC จากการคำนวนคร่าว ๆ เราก็น่าจะผ่านเกณฑ์ RBC ตอนนี้เราก็ต้องเปลี่ยนระบบ และก็ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพราะเราต้องทดลองใช้กันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะกฎเกณฑ์ RBC มันเริ่มชัดเจนในเรื่องประกาศต่าง ๆ จากที่ทางคปภ.เริ่มมีประกาศต่าง ๆ ออกมาให้ อย่างในเรื่องการคำนวนทรัพย์สินต่าง ๆ
เกณฑ์ RBC น่าจะเริ่มใช้จริงในปี 2554 ส่วนปี 2553 ก็ต้องเริ่มที่จะนำ data ต่าง ๆ เข้ามาใช้ในการคำนวน มันก็อาจจะมีบางบริษัทฯที่ไม่ผ่านเกณฑ์ RBC ก็ไม่รู้บริษัทไหน แต่เขาก็จะมีเวลาในการปรับให้ได้ใน 1 ปี แต่ถ้าเข้าไม่ได้ก็ต้องไปคุยกับผู้ถือหุ้น ซึ่งอาจจะต้องเพิ่มทุน จะควบรวม หรือเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น หรืออะไรก็ว่าไป"กรรมการผู้อำนวยการ NKI กล่าว