โบรกฯเห็นพ้อง"ซื้อ"KBANK ผลประกอบการปี 53 ฟื้นชัดเจน-ดียิ่งขึ้นในปี 54

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 6, 2010 11:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น ธนาคารกสิกรไทย(KBANK)เชื่อปีนี้ 53 ธุรกิจแบงก์ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ตามภาวะเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวขึ้น คาดสินเชื่อปีนี้จะขยายตัวประมาณ 5% สูงกว่าปี 52 ที่คาดว่าขยายตัว 1-2% เท่านั้น และจะนำไปสู่ Spread ดอกเบี้ยที่ดีขึ้น และแบงก์ก็มีนโยบายที่จะตั้งสำรองลดลง ดังนั้น คาดว่า KBANK น่าจะมีกำไรที่ฟื้นตัวชัดในปี 53

KBANK ก็มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและมี NPL ต่ำสุดในกลุ่มธนาคารขนาดกลางและใหญ่ โดย 9 เดือนแรกปี 52 มี NPL แค่ 3.7% และคาดว่าทั้งปี 52 ตัวเลข NPL น่าจะอยู่ในระดับ 3.7% ส่วนปี 53 ทาง KBANK มีเป้าหมายรักษา NPL ไว้ไม่ให้เกิน 3.8% ก็คาดว่าจะอยู่ในช่วง 3.7-4%

สำหรับตัวเลข NIM ในงวด 9 เดือนแรกของปี 52 อยู่ที่ 3.62% และทั้งปี 52 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.6-3.8% ส่วนปี 53 คาด NIM ที่ 3.7-4.0%

นอกจากนั้น ยังมองว่าผลประกอบการโดยรวมของ KBANK จะดียิ่งขึ้นในปี 54 หลังจากที่ได้ลงทุนในส่วน K-Tranformation เสร็จในปีนี้ จะส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมปรับตัวสูงขึ้น อย่างการที่ KBANK เข้าไปซื้อธุรกิจประกันชีวิต คือ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เข้ามา ก็ทำให้ KBANK มีรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้น ซึ่งทาง KBANK เองมีเป้าหมายที่จะให้รายได้จากค่าธรรมเนียมขึ้นมาเทียบเท่ากับรายได้จากการปล่อยสินเชื่อ แต่มองว่าคงทำได้แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ KBANK ในปี 53 ไว้ในช่วง 17,000-17,722 ล้านบาท เติบโตจากปี 52 ที่คาดจะมีกำไรสุทธิอยู่ในช่วง 14,500-15,600 ล้านบาท

          โบรกเกอร์                  คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย
          บล.กรุงศรีอยุธยา               ซื้อ                 96.00
          บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)         ซื้อ                 94.00
          บล.ฟาร์อีสท์                   ซื้อ                103.00
          บล.ธนชาต                    ซื้อ                 90.00
          บล.ทิสโก้                     ซื้อ                 91.00
          บล.เคจีไอ                    ซื้อ                106.00
          บล.เอเชีย พลัส                ซื้อ                103.00
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)          ซื้อ                101.50

นายธนัท รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะ"ซื้อ"หุ้น KBANK ด้วยราคาเป้าหมาย 96 บาท/หุ้น เนื่องจากมองว่าปีนี้ธุรกิจแบงก์จะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่า KBANK จะมีการขยายตัวสินเชื่อในปี 53 ประมาณ 5% สูงกว่าปี 52 ที่คาดว่าสินเชื่อขยายตัว 1-2% เท่านั้น ซึ่งการขยายตัวของสินเชื่อนี้จะนำไปสู่ Spread ที่ดีขึ้น และแบงก์ก็มีนโยบายที่จะตั้งสำรองลดลง ดังนั้น คาดว่า KBANK น่าจะมีกำไรฟื้นตัวชัดในปีนี้

นอกจากนี้ การที่ KBANK เข้าไปซื้อธุรกิจประกันชีวิต คือ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เข้ามา ทำให้เห็นว่าแนวโน้มจะดีขึ้นในระยะยาว เพราะภาพรวมธุรกิจประกันยังมีการเติบโตที่ดีอยู่ จากการที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ธุรกิจประกัน ดังนั้น คาดว่าธนาคารจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตดีพอควรในปี 53

สำหรับตัวเลข NPL ของ KBANK ก็คาดว่าปี 52 จะอยู่ที่ 3.7% และในปี 53 จะมี NPL ที่ 3.8-4% ซึ่งนโยบายของแบงก์ต้องการรักษาให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 4% ก็คาดว่าน่าจะทำได้ตามนโยบายที่วางไว้ ส่วนตัวเลข NIM มีการเติบโตที่ดี และปี 53 น่าจะเติบโตดีขึ้นในทุกแบงก์ โดยคาดว่า KBNAK ในปี 53 จะมีตัวเลข NIM ที่ 3.7% สูงกว่าปี 52 คาดมีตัวเลข NIM ที่ 3.6%

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ KBANK ในปี 53 ไว้ที่ 17,000 ล้านบาท เติบโต 17% จากปี 52 ที่คาดมีกำไรสุทธิประมาณ 14,500 ล้านบาท

นายณาศิส ประเสริฐสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ แนะ"ซื้อ"หุ้น KBANK ราคาเป้าหมาย 103 บาท/หุ้น คาดผลประกอบการโดยรวมจะดีในปี 53 และจะดียิ่งขึ้นในปี 54 หลังจากมีการลงทุนในส่วน K-Tranformation แล้วเสร็จในปีนี้ก็จะส่งผลให้รายได้จากค่าธรรมเนียมปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทาง KBANK เองมีเป้าหมายรายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตขึ้นมาเทียบเท่ากับรายได้จากการปล่อยสินเชื่อ แต่ก็มองว่าคงจะทำได้แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร

นอกจากนี้ KBANK ก็มีคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี และมีตัวเลขหนี้ NPL ที่อยู่ในระดับต่ำ โดย 9 เดือนแรกของปี 52 มีตัวเลข NPL แค่ 3.7% และคาดว่าทั้งปี 52 ตัวเลข NPL ก็น่าจะอยู่ในระดับ 3.7% ส่วนในปี 53 ทาง KBANK ก็จะพยายามรักษาระดับไว้ไม่ให้เกิน 3.8% ซึ่งเราก็คาดว่าน่าจะทำได้ตามที่วางแผนไว้

สำหรับตัวเลข NIM ในงวด 9 เดือนแรกของปี 52 ก็อยู่ที่ 3.62% และทั้งปี 2552 ก็คาดว่าจะมีตัวเลข NIM อยู่ที่ 3.65% ส่วนปี 53 คาดว่าตัวเลข NIM จะอยู่ที่ 3.73% ซึ่งสภาพคล่องของ KBANK ยังดีอยู่ ดังนั้นจึงเห็นว่าปีนี้ KBANK คงจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกเงินฝากในอัตราดอกเบี้ยสูงอีกเหมือนอย่างปีที่ผ่านมา

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิของปี 53 ไว้ที่ 17,722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปี 52 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 15,215 ล้านบาท

น.ส.สุกัญญา อุดมวรนันท์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า ภาพโดยรวมของ KBANK เป็นธนาคารที่มีพื้นฐานดี และมีโอกาสที่จะเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 53 คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าปีก่อน ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวดีขึ้น อีกทั้งคาดว่า KBANK ในปีนี้จะมีการขยายตัวของสินเชื่อประมาณ 5%

ทั้งนี้ การที่ KBANK ได้บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เข้ามาทำให้รายได้จากค่าธรรมเนียมเติบโตดีขึ้นได้ในระยะยาว และตัวเลข NIM ขณะนี้อยู่ในระดับสูงประมาณ 3% ปลาย ๆ ซึ่งคาดว่าปี 52 ตัวเลข NIM อยู่ที่ 3.8% ส่วนปี 53 คาด NIM ที่ประมาณ 3.8-4.0%

นอกจากนี้ KBANK ยังมี NPL ต่ำสุดในกลุ่มธนาคารขนาดกลางและใหญ่ โดยปัจจุบันมีไม่ถึง 4% คาดว่าปี 52 ตัวเลข NPL ของ KBANK จะอยู่ที่ประมาณ 3.7% และปี 53 จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 52

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิ KBANK ในปี 53 ไว้ที่ประมาณ 17,200 ล้านบาท เติบโต 9% จากปี 52 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 15,600 ล้านบาท เนื่องจากมองว่า KBANK จะมีการเติบโตที่ดีในส่วนรายได้ที่มาจากดอกเบี้ย และรายได้จากค่าธรรมเนียม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ