(เพิ่มเติม) DTAC ตั้งเป้าปี 53 ลูกค้าใหม่ 8 แสนราย ปรับกลยุทธเจาะกลุ่มลูกค้าเล็กลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 6, 2010 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกษชญง สกาวรัตนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มธุรกิจพรีเพด บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC)คาดว่า ในปี 53 บริษัทจะมีลูกค้าใหม่สุทธิ(Net add)จำนวน 8 แสนราย ซึ่งต่ำกว่าปีก่ที่มีลูกค้าใหม่กว่า 1 ล้านราย เป็นไปตามภาพรวมอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในปีนี้ที่จะมียอด Net add ลดลงเหลือ 2.4 ล้านราย ซึ่งต่ำกว่าปีก่อน

ทั้งนี้ ในอุตสาหกรรมโดยรวมคาดว่ายอดลูกค้าใหม่จะใกล้เคียงกันในทุกเครือข่ายของผู้ให้บริการ เนื่องจากอัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศเกือบเต็ม 100% แล้ว โดยฐานลูกค้าเดิมของบริษัท ณ สิ้นปี 52 มีลูกค้าจำนวน 21 ล้านราย แบ่งเป็นลูกค้าพรีเพดจำนวน 19 ล้านราย และลูกค้าโพสเพดจำนวน 2 ล้านราย ซึ่งเพิ่มจากปี 51 ที่มีลูกค้าราว 18.7 ล้านราย

นายเกษชญง กล่าวว่า ในปีนี้ DTAC ได้เน้นกลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าขนาดเล็ก(Micro Segment) ซึ่งนอกเหนือจากใช้กลยุทธราคาถูกจะเน้นรูปแบบการใช้งานที่เหมาะกับกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้หญิงอายุ 25-35 ปี เป็นต้น คาดว่ากลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่จะทำให้ยอดการคืนเลขหมาย(Churn)ในกลุ่มลูกค้าพรีเพดในปีนี้ลดลงเหลือ 5% ต่อเดือนจาก 6% ต่อเดือนในปี 52

ขณะที่แฮปปี้จะออกแคมเปญทางการตลาดเพิ่มเป็น 5 แคมเปญ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มี 3 แคมเปญ เชื่อว่าจะส่งผลให้ยอดลูกค้าพรีเพดที่หันมาใช้บริการของ DTAC ในปี 53 เพิ่มเป็น 2 ล้านราย

บริษัทตั้งงบการตลาดในปีนี้ 700-750 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่ใช้งบการตลาด 800 ล้านบาท โดยล่าสุดดีแทคเปิดตัว SIM กันแดด SPF 29 สตางค์ เจาะกลุ่มลูกค้าผู้หญิงอายุ 25-35 ปี คิดค่าบริการช่วง 6 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น นาทีละ 29 สตางค์ตั้งแต่นาทีแรก คาดว่าเฉพาะแคมเปญนี้จะมีลูกค้าเข้ามา 4-5 แสนราย ภายใน 4 เดือน

"ปี 53 เราจะเปลี่ยนกลยุทธ์เจาะลูกค้าเล็กลง มีการใช้ข้อมูลวิจัยให้ตรงกับพฤติกรรมการใช้ของลูกค้า น่าจะมีโอกาสมากขึ้นในการเติบโต"นายเกษชญง กล่าว

ขณะที่ นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ DTAC กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการหารือเรื่องงบลงทุนในปี 53 เนื่องจากยังไม่แน่ใจว่าการเปิดประมูลโครงข่าย 3G จะล่าช้าไปถึงไหน แต่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)คาดว่าจะเปิดประมูลในเดือน มี.ค.นี้ แต่กว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการได้จริงคงเป็นเดือน ธ.ค.53

"ต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะ งบลงทุนยังคุยกันอยู่ ถ้า 2G ใช้งบไม่เยอะ แต่ถ้ามี 3G ยังไม่รู้ว่าจะใช้งบลงทุนเท่าใด"นายธนา กล่าว

นอกจากนี้ นายธนา ยังมองว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคมฟื้นตัวหลังผ่านจุดต่ำสุดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยจะแข่งกันด้านบริการรองรับสมาร์ทโฟนมากที่สุด ซึ่งบริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นเพิ่มเติมด้วยหลังจากที่ได้นำโทรศัพท์แบล็คเบอรี่เข้ามาแล้ว รวมทั้งบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศยังคงมีการแข่งขันสูงเช่นเดียวกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ