ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกันวันที่ 2 หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีภาคบริการที่ขยายตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดลบ หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูตัวเลขจ้างงานของสหรัฐในวันศุกร์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 1.66 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 10,573.68 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.62 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 1,137.14 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 7.62 จุด หรือ 0.33% ปิดที่ 2,301.09 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.11 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.28 พันล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากบริษัท คอนนาคอร์ด อดัมส์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีภาคบริการเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50.1 จุดในเดือนธ.ค. ซึ่งดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 จุดบ่งชี้ว่าภาคบริการมีการขยายตัว
ขณะที่ ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนของสหรัฐลดการจ้างงานลง 84,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งน้อยกว่าในเดือนพ.ย.ที่ลดการจ้างงานลง 145,000 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนลดการจ้างงานในเดือนธ.ค.มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 73,000 ตำแหน่ง
แม้ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ปิดบวก แต่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน หลังจากเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.เมื่อคืนนี้ว่า ปัจจัยที่อาจจะขัดขวางการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐคืออัตราว่างงานที่ยังเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 10% นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดีกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า อัตราว่างงานเดือนธ.ค.ปี 2552 ของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 10.1% จากเดือนพ.ย.ที่ 10% อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payrolls) ประจำเดือนธ.ค.อาจลดลงเพียง 1,000 ราย ซึ่งจะเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เพราะได้แรงหนุนจากภาคอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัว