นางศลยา ณ สงขลา นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ในปีนี้จะมีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องจากไตรมาส 4/52 โดยให้น้ำหนักการลงทุน KCE, DELTA, HANA ที่ผลประกอบการจะฟื้นตัวตามปัจจัยภาวะเศรษฐกิจ โดยตั้งแต่ไตรมาส 4/52 ก็เริ่มมีกำไรที่แข็งแกร่งแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วง ไตรมาส 1 และ ไตมาส 2 โดยปกติเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนฯ ก่อนจะเข้าสู่ไฮซีซั่นในชข่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 แต่ครึ่งแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปีที่แล้วจะดีขึ้นแน่นอน เพราะปีที่แล้วเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
หุ้นเด่น มอง DELTA HANA เพราะมีฐานทุนแข็งแกร่ง มีเงินสดในมือจำนวนมาก และมีผลตอบแทนการลงทุน 6% ส่วน KCE จะเป็นหุ้นเทิร์นอะราวด์ โดยผลประกอบการพลิกมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/52-ไตรมาส 4/52 และในไตรมาสแรกปีนี้ก็จะดีขึ้นอีกตามปัจจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว
ส่วน CCET ถ้าเทียบโอกาสการลงทุนและการเติบโตก็จะมีความโดดเด่นน้อยกว่าหุ้นอื่นในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา CCET ได้สูญเสียคำสั่งซื้อฮาร์ดดิสก์ใหห้กับคู่แข่ง และต้องรอเวลาพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อมาชดเชยตลาดและหาออร์เดอร์ใหม่ ๆ เข้ามา
ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.เอเชียพลัส แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์(ประเทศไทย)(CCET)มองบริษัทได้รับผลดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากภาวะซบเซาในปี 52 ที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประกอบกับ บริษัทได้รับผลกระทบจากการที่คู่แข่งแย่งลูกค้าไป
แต่เห็นว่ายอดขายในเดือนพ.ย.-ธ.ค.เริ่มปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเชื่อว่าปีนี้บริษัทจะกลับมาเติบโต โดยคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.15 แสนล้านบาท ผลตอบแทนจากการลงทุน(EPS) ที่ 18% รวมทั้งการที่บริษัทหันมาผลิตชิ้นส่วนอิเล็คโทรนิกส์ใหม่ที่ให้อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าเดิม ทำให้กำไรสุทธิปีนี้น่าจะออกมาดีด้วย
ขณะที่มี Upside จากราคาในปัจจุบันอีก 21% โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 3.73 บาท