(เพิ่มเติม) METROเดินหน้าเพิ่มฐานทุน ขายที่ดินอุดมสุข,เล็ง 2ทางจัดการ"สาทร-วิสต้า"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 7, 2010 11:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้(METRO)เดินหน้าจัดการทรัพย์สินที่มีในมือเพื่อลดภาระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1.6 พันล้านบาท และเพิ่มฐานทุน เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างคล่องตัวในอนาคต หลังจากที่ได้ขายทิ้งที่ดินโครงการ"เมโทร อเวนิว รัชโยธิน"ให้ บมจ.แอล.พี.เอ็น.อี.ดีเวลลอปเม้นท์(LPN) ก็จะเปิดรับข้อเสนอจากผู้สนใจซื้อที่ดินโครงการย่านอุดมสุขอีกผืน รวมทั้ง กำลังพิจารณาแนวทางจัดกับโครงการแมริออท เอ็คเซ็คคิวทีฟ อพาร์ทเม้นท์ สาทร วิสต้า โดยอาจขายเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ อาจขายทิ้งทั้งโครงการ

นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ METRO กล่าวกับ "อินโฟเควสท์" ว่า การขายที่ดิน 10 แปลงย่านรัชโยธิน มูลค่า 680 ล้านบาท ทำให้ภาระหนี้สินต่อทุน(D/E)ของบริษัท ลดลงเหลือไม่ถึง 1 เท่า หรือประมาณ 1 พันล้านบาท จากเดิม D/E อยู่ที่ 1.5 เท่า หรือประมาณ 1.6 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ยังทำให้โอกาสของการเข้ามาของพันธมิตรน่าจะมีสูงขึ้น เนื่องจากการก่อนหน้านี้ได้มีหารือถึงปัญหาของหนี้สินที่บริษัทมีอยู่ แต่ขณะนี้รายได้จากการขายที่ดินทำให้หนี้สินลดลงแล้ว สถานะทางการเงินก็ดีขึ้นด้วย ซึ่งขณะนี้บริษัทก็มีการเจรจากับพันธมิตรมากกว่า 3 ราย แต่ในการพิจารณาคงต้องเลือกรายที่มีความเหมาะสมสูงสุดที่จะสามารถเข้ามาช่วยด้านเทคโนโลยี การก่อสร้าง และฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น

"ตอนนี้เราพยายามรีดไขมันส่วนเกินให้ได้มากที่สุดและกลับมาเซ็กซี่มากกว่าเดิม และโครงการที่เราขายถือว่าผิดพลาด เพราะเป็นการขนาดใหญ่มากเกินไป ขณะเดียวกันการขายที่ดินออกไป แม้ว่าทำให้สินทรัพย์ลด แต่ภาระหนี้ก็ลดลงด้วย รวมทั้งเปิดโอกาสรับพันธมิตรง่ายขึ้น"นายวีระ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนขายที่ดินโครงการเมโทร อเวนิว สุขุมวิท 66 ย่านอุดุมสุข ขนาด 4 ไร่ มูลค่าที่ดิน 500 ล้านบาท ซึ่งหากได้ราคาดีก็พร้อมจะขายให้กับผูสนใจที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา หรืออาจนำมาพิจารณากลับมาทำโครงการใหม่ เนื่องจากได้มีการสร้างฐานรากไว้แล้ว ซึ่งในกรณีขายทิ้งทั้งโครงการจะทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งเรื่องเงินทุนมากกว่า และช่วยด้านความพร้อมที่จะซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่ยังไม่กล้าตัดสินใจจากการที่ภาระหนี้ยังสูง

นายวีระ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ สาทร วิสต้า ที่มีมูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาท ขณะนี้มี 2 แนวทาง คือ ขายเข้าเป็นสินทรัพย์ในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ของปีนี้ หรือขายโครงการดังกล่าวออกไป แม้ปัจจุบันอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 70% แต่ยังถือว่ายังเป็นการดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ของบริษัท เพราะธุรกิจโรงแรมกลายเป็นรายได้หลัก ทั้ง ๆ ที่ต้องการให้รายได้หลักมาจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากตัดขายจะได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุด หากเป็นรูปแบบกองทุนยังต้องถือหุ้นด้วย

"เดิมทีเคยมองมองว่า สาทรวิสต้า เป็นกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงให้เรา แต่ดูแล้วไม่ work ในกลยุทธ์ที่เราจะเดินที่ต้องการเป็นฟู้พัฒนาโครงการ และยังเปิดกว้างในการเจรจาขายโครงการอยู่"นายวีระ กล่าว

ด้านแผนการดำเนินงานปี 53 ยังประเมินสถานการณ์ไม่ออกมาจะเจริญเติบโตเท่าใดภายใต้ภาวะความผันผวน โดยเฉพาะปัจจัยการเมือง และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยจากปัจจัยดังกล่าวบริษัทจะเติบโตอย่างระมัดระวัง รวมถึงผู้ประกอบการรายอื่นคงระมัดระวังเช่นเดียวกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ