ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) ขานรับรายงานยอดขายที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) หลังจากนักวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นในด้านบวก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payrolls) ในวันศุกร์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 33.18 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 10,606.86 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.55 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 1,141.69 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.04 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 2,300.05 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.19 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.30 พันล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน ไพรเวท แบงค์ ในนิวยอร์กกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากยอดขายประจำเดือนธ.ค.ที่แข็งแกร่งของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐ รวมถึงบริษัท เซียร์ส โฮลดิ้งส์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการห้างค้าปลีกเคมาร์ท แอนด์ เซียร์ส ขณะที่บริษัท โรบั๊ค แอนด์ โค, เมซี อิงค์ และลิมิเต็ด แบรนด์ส รายงานยอดขายที่เพิ่มขึ้นและได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขาย
SpendingPulse ระบุว่า ยอดขายสินค้าออนไลน์ในเดือนธ.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 18% ส่วนยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มขึ้น 5.5% ขณะที่ยอดขายอัญมณีไต่ระดับขึ้น 6.9% และยอดขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ก็ขยายตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
สมาคมผู้ค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐ (NRF) รายงานว่า ยอดค้าปลีกในช่วงเทศกาลวันหยุดในสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 0.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.12 หมื่นล้านดอลลาร์ จากปีที่แล้วที่ระดับ 4.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากห้างค้าปลีกปรับลดราคาสินค้าเพื่อดึงดูดผู้บริโภค
ทั้งนี้ หุ้นเซียร์สพุ่งขึ้น 11.6% หุ้นเมซีปิดบวก 2.3% และหุ้นลิมิเต็ด แบรนด์ส ปิดบวก 31 เซนต์ แตะที่ 18.74 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นเลนนาร์ คอร์ป ซึ่งทำธุรกิจสร้างบ้าน ปิดบวก 12.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี นอกจากนี้ หุ้นจีอีพุ่งขึ้น 5.2% หลังจากเจพี มอร์แกนปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นสู่ระดับ 22 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 20 ดอลลาร์
ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้นเพียง 1,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจซึ่งทางการสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์ โดยกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนพ.ย. ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราว่างงานเดือนธ.ค.ปี 2552 ของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นแตะระดับ 10.1% จากเดือนพ.ย.ที่ 10% อย่างไรก็ตาม คาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.อาจลดลงเพียง 1,000 ราย ซึ่งจะเป็นสถิติที่ลดลงน้อยที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว