KCE ตั้งเป้าปี 53 ยอดขายเพิ่มเป็น 220-230 ล้านดอลล์-กำไรดีขึ้นมาก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 8, 2010 16:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายปัญจะ เสนาดิสัย กรรมการ บมจ.เคซีอี อิเลคโทรนิคส์(KCE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 53 ไว้ที่ 220-230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงขึ้นจากปี 52 โดยในช่วงไตรมาส 1/53 คาดว่าจะมียอดขาย 55-60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดีกว่าไตรมาส 4/52 และในแง่ของกำไรก็น่าจะดีขึ้นตามอัตรากำไรขั้นต้น

ก่อนหน้านี้ บริษัทคาดว่าปี 52 น่าจะทำยอดขายได้ราว 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากกำลังการผลิตของโรงงาน 3 แห่ง คือ โรงงานเดิมที่เปิดอยู่แล้ว 2 โรง และโรงงาน KCE International(KCEI)ที่บางปู ซึ่งเพิ่งกลับมาเปิดเดินเครื่องอีกครั้งเมื่อปลายปี 52 หลังจากหยุดผลิตชั่วคราวไปก่อนหน้านี้

โรงงาน 2 แห่ง มีกำลังการผลิตรวมกัน 1.5 ล้านตารางฟุต/เดือน ขณะที่โรงงาน KCEI มีกำลังเข้ามาอีก 4.5 แสนตารางฟุต/เดือน หากมีการผลิตเต็มกำลังก็จะทำให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มเป็น 1.8-1.9 ล้านตารางฟุต/เดือน

แต่เนื่องจาก KCEI เพิ่งเปิดใหม่ การผลิตช่วงไตรมาส 1/53 มีทำได้เพียง 2-3 แสนตารางฟุต/เดือน เนื่องจากต้องใช้เวลา push up ทำให้เปิดการผลิตได้ในบางรายการ แต่คาดว่าช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.53 เป็นต้นไปจะมีการใช้กำลังเต็มที่ ซึ่งก็จะทำให้ตั้งแต่ไตรมาส 2/53 กำลังการผลิตรวมจะอยู่ที่ 1.8-1.9 ล้านตารางฟุต/เดือน

นายปัญจะ กล่าวว่า คำสั่งซื้อส่วนใหญ่มาจากลูกค้าเก่าที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก และยังมีลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาด้วย โดยบริษัทมีคำสั่งซื้อในมือ(backlog)จากไตรมาส 4/52 ที่ยังผลิตไม่ทันและต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1/53 หลังจากลูกค้าญี่ปุ่นมีคำสั่งซื้อจำนวนมาก ประกอบกับ คู่แข่งปิดกิจการไปหลายแห่งเมื่อปี 52 หลังจากประสบปัญหาต้นทุนการผลิตสูง

"รถยนต์เมื่อก่อนนี้แต่ละคันแทบจะไม่มีระบบอิเล็คทรอนิกส์เลย แต่ปัจจุบันระบบรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นอิเล็คทรอนิกส์เยอะมากเช่น แอร์แบ็ค ABS หรือ ระบบหัวฉีด ทำให้ความต้องการสินค้าจำพวกแผงวงจรที่ใช้ในรถยนต์ยังมีสูงมาก ออร์เดอร์จริงๆ ดีมานด์ยังมีอีกมาก แต่เราจะรับได้ขนาดไหน ยิ่งตอนนี้ลูกค้ารถยนต์วิ่งเข้ามาหาเราเยอะมาก"นายปัญจะ กล่าว

กรรมการ KCE กล่าวอีกว่า ผลประกอบการปี 52 น่าจะออกมาดี เพราะงวด 9 เดือนมีกำไรแล้ว และจากยอดขายไตรมาส 4/52 ที่เกินเป้าหมาย จึงคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/52 จะดีกว่าไตรมาส 3/52 ประกอบกับ บริษัทสามารถควบคุมอัตราของเสียในการผลิตได้เป็นอย่างดี และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนปี 53 ผลประกอบการของบริษัทคาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ และถ้ามีกำไรก็คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ โดยอัตรากำไรขั้นต้นจะพยายามรักษาให้สูงกว่าปีที่แล้วที่เฉลี่ยไม่ถึง 20% แต่ในแง่ยอดขายจะถึงจุดคุ้มทุน เพราะกำลังการผลิตมากขึ้น หลัง KCEI เปิดเดินเครื่องใหม่อีกครั้ง

"ปี 53 คงกำไรเยอะ แต่ปี 52 ทั้งปีงบยังไม่ออก แต่ก็น่าจะดีเพราะ 9 เดือนเป็นกำไรแล้ว อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะดีกว่าปีก่อนเพราะคุม cost ควบคุมของเสีย คุม budget ได้ดีมากๆ" กรรมการ KCE กล่าว

KCE แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าไตรมาส 3/52 บริษัทมีกำไร 123.5 ล้านบาท ยอดขายรวม 1,627.7 ล้านบาท ขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้น 21% ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกกลับมามีกำไรแล้ว 9 ล้านบาท

นายปัญจะ กล่าวว่า ปัจจัยที่จะมากระทบกับกำไรปีนี้ตอนนี้ยังมองไม่เห็น เพราะการเมืองในประเทศก็ไม่ได้มีผลกระทบ แต่หากมีวิกฤตอีกหรือมีปัญหาในสหรัฐเหมือนคราวที่แล้วก็เป็นเรื่องที่นอกเหนือการคาดการณ์ ถ้าสถานการณ์ทรงตัวอย่างปัจจุบันก็ถือว่ารับได้

"ขณะนี้ยังมองไม่เห็นนอกจากวัตถุดิบปรับสูงขึ้นแบบคาดไม่ถึง เช่น คอปเปอร์ ซึ่งตอนนี้อาจจะขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่เราอาจจะต้องสต็อกมีล่วงหน้าหรือ hedge ถ้าปรับขึ้นเร็ว แต่ถ้า ณ ขณะนี้ราคาวัตถุดิบเราถือว่ายังพอรับได้อยู่"นายปัญจะ กล่าว

นายปัญจะ ยังปฎิเสธกระแสข่าวว่า TATA Motor India เข้ามาทยอยซื้อหุ้นบริษัทเก็บไว้ โดยกล่าวว่าไม่เป็นความจริง ขณะนี้ยังไม่มีนักลงทุนรายใดเข้ามาเจรจาขอซื้อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีจุดมุ่งหมายที่อยากเป็นผู้ผลิตอิสระมากกว่าที่จะไปร่วมกับผู้ประกอบการอื่น เนื่องจากมองว่ามีความคล่องตัวมากกว่า ส่วนถ้าจะมีพันธมิตรทางธุรกิจหรือไม่ ยังไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้ เพราะขณะนี้บริษัทยังอยู่ได้ด้วยตัวเอง และไม่มีคู่แข่งในประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ