การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) เผย บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) เตรียมนำข้อมูลเสนอต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอปลดล็อคออกจากคำสั่งระงับโครงการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดเพิ่มเติมอีก 12 โครงการ
"ขณะนี้มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ยื่นขอระงับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาลปกครองไปแล้ว คือ ปตท. 6 โครงการ และปูนซิเมนต์ไทยอีก 6 โครงการ" นายประสบศิลป์ โชติมงคล รองผู้ว่าการ กนอ.กล่าว
โดยทั้ง 6 โครงการ ประกอบด้วย โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดวิธีการจัดการ PTA และ CTA ของโครงการผลิตพีทีเอ สายการผลิตที่ 3 เงินลงทุน 20 ล้านบาท, โครงการนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล(ส่วนขยาย) เงินลงทุน 400 ล้านบาท, โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอททีลีนชนิดความหนาแน่นสูง โดยการเพิ่มเติมหน่วยเตรียมคะตะลิสต์ เงินลงทุน 720 ล้านบาท, โครงการผลิตเม็ดพลาสติกโพลิเอททิลีน โดยเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์โพลีโพรไพลีน และนำสารอินทรีย์ระเหยง่ายกลับมาใช้ใหม่ที่โรงงาน HDPE#1 เงินลงทุน 950 ล้านบาท และโครงการโรงงานผลิตสารโพรพีลีนออกไซด์(PO) และโพรพีลีนไกลคอล(PG) และโครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการผลิตสารโพรพิลีนอออกไซด์และสารโพรพิลีนไกลคอล เงินลงทุนรวม 29,950 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในวันที่ 13 ม.ค.53 บริษัท BRT สตีล ซึ่งเป็นโครงการในการดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เตรียมเสนอข้อมูลต่อศาลปกครองกลางเช่นกัน
รองผู้ว่าการ กนอ.กล่าวว่า หลังจากกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดศูนย์ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่ถูกระงับการลงทุนในมาบตาพุด ล่าสุดมีผู้ประกอบการ 2 ราย ซึ่งเป็นโครงการในการดูแลของ กนอ. มาขอคำแนะนำแล้ว ได้แก่ บริษัท บลูสโคปสตีล และสยามแผ่นเหล็กวิลาส ซึ่งทั้ง 2 ราย มีการติดตั้งระบบลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมีระบบการจัดการน้ำที่เป็นไปตามมาตรฐาน โดย กนอ.ได้แนะนำให้นำ 11 โครงการที่สามารถเดินหน้าการลงทุนต่อได้มาเทียบเคียง เพื่อเสนอรายละเอียดข้อมูลดังกล่าวให้ศาลปกครองกลางต่อไป
ด้านนางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการ กนอ.กล่าวว่า โครงการลงทุนในมาบตาพุดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่สามารถนำไปเทียบเคียงกับ 11 โครงการ ซึ่งมีจำนวน 26 โครงการ ขณะนี้ กนอ.อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อยื่นขอต่อศาลปกครองกลางให้ระงับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
ส่วนกลุ่มที่ 2 มีจำนวน 16 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จะทำเรื่องขอต่อศาลปกครองกลางเป็นรายโครงการ เนื่องจากยังไม่ได้ดำเนินการผลิตจึงไม่น่าปล่อยมลพิษ และกลุ่มที่ 3 จำนวน 39 โครงการ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากกลุ่มแรกและกลุ่มที่สอง ขณะนี้มีโรงงานอุตสาหกรรม 2 รายที่มาหารือกับ กนอ.แล้ว โดย กนอ.จะดูรายละเอียดทางเทคนิค และเห็นว่าไม่น่าเข้าข่ายโครงการหรือกิจกรรมที่มีผลกระทบรุนแรงต่อชุมชน เพราะเป็นโครงการต่อเนื่อง หรือเป็นการซื้อพื้นที่เพิ่มเติม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิต จึงจะเสนอรายละเอียดของโครงการดังกล่าวให้ศาลปกครองกลางพิจารณา