หุ้น SCC ราคาวิ่งขึ้น 3.08% มาอยู่ที่ 234 บาท เพิ่มขึ้น 7 บาท มูลค่าซื้อขาย 679.58 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.22 น. โดยเปิดตลาดที่ 228 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 234 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 228 บาท
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC)เนื่องจากโครงการในมาบตาพุดที่ไม่ได้ถูกระงับมีแนวโน้มจะเริ่มดำเนินการในเดือน มี.ค.-เม.ย.นี้ ส่วนกำไรไตรมาส 4/52 ประเมินจะดีกว่าประมาณการครั้งก่อน สถานการณ์ขาลงในธุรกิจปิโตรเคมีปัจจุบัน ก็ไม่ได้แย่ตามที่กังวลก่อนหน้านี้จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
แต่ราคาหุ้นปัจจุบัน 227 บาท ได้วิ่งจากจุดต่ำในเดือน มี.ค.52 ที่ 94.5 บาท ขึ้นมาถึง 140% ขึ้นมารับการคาดการณ์ในด้านบวกในปีนี้ค่อนข้างมาก จากพัฒนาการในด้านบวกดังกล่าว จึงปรับราคาเหมาะสมขึ้นเล็กน้อยจาก 240 บาท เป็น 250 บาท บนฐาน P/E ปี 2553 เท่ากับ 12.5 เท่า
บล.ทิสโก้ แนะ"ซื้อ"หุ้น SCC ด้วยราคาเป้าหมาย 284 บาท/หุ้น คาดว่าผลประกอบการของ SCC ในปี 2553F จะลดลง 4% YoY จากผลประกอบการจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ลดลงจากส่วนต่างที่ลดลง ขณะที่ผลประกอบการจากธุรกิจปูนซีเมนต์, กระดาษและวัสดุก่อสร้างน่าจะขยายตัวจากความต้องการที่สูงขึ้นและการขยายกำลังการผลิตกระดาษ อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการของบริษัทน่าจะกลับมามีอัตราการเติบโตในปี 2554F เมื่อเริ่มดำเนินงานโรงงานปิโตรเคมีแห่งใหม่
และ บล.โกลเบล็ก แนะ"ซื้อ"หุ้น SCC ให้ราคาเป้าหมาย 250 บาท แม้ระยะสั้นยังคงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนในประเด็นโครงการมาบตาพุด อย่างไรก็ตาม คาดว่าเริ่มกลับมาดำเนินการได้ในช่วงครึ่งหลังปี 53 และจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานฟื้นตัวโดดเด่นในปี 54 ทั้งนี้ คาดว่า SCC จะจ่ายเงินปันผลงวด 2H52 อีกราว 5.50 บาทต่อหุ้น
แม้คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะมีทิศทางอ่อนตัวลงในปี 53 และผลกระทบจากความล่าช้าในโครงการในมาบตาพุด แต่คาดว่าจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นในปี 54 จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม และคาดว่าโครงการในมาบตาพุดจะเริ่มกลับมาดำเนินการได้
ส่วนธุรกิจปูนซีเมนต์ในปี 53 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากความต้องการใช้งานที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วง รวมถึงโครงการซ่อมปรับปรุงถนนทั่วประเทศ และธุรกิจกระดาษจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น