โบรกฯ แนะ"ซื้อ"MINT อัตราเข้าพักโรงแรมฟื้นโดดเด่น-รับรู้ฯเรสซิเดนท์หรู

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 12, 2010 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะนำ “ซื้อ" หุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล(MINT) หลังกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการกลับมาโดดเด่นตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในเครือสูงต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 52 หลังจากผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 3/52 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้

ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น โครงการเรสซิเดนท์หรู ST.regis จะมีเริ่มมีรายได้เข้ามาในไตรมาส 4/53 ส่งผลงบปีนี้ออกมาสวย ส่วนธุรกิจอาหารมีการขยายสาขาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

          โบรกเกอร์                  คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส            ซื้อ                    15.60
          สถาบันวิจัยนครหลวงไทย           ซื้อ                    16.30
          บล.ไอร่า                      ซื้อ                    12.90
          บล.เอเชีย พลัส                 ซื้อ                    13.15

นางสาวนลิน วิริยะเสถียร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น MINT เนื่องจากประมาณการว่ากำไรสุทธิปี 53 จะเติบโตก้าวกระโดด มาอยู่ที่ 2,012 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,265 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากธุรกิจโรงแรมที่ฟื้นตัว อัตราการเข้าพักตั้งแต่ ต.ค.52 สูงขึ้นเป็น 60 % จากจุดต่ำสุดที่ระดับ 40% ในไตรมาส 3/52

และรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ & ธุรกิจ Retail เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการ ST.Regis และโครงการสมุยวิลล่า โดยคาดว่า ST.Regis คาดว่าจะมียอดขายในปีนี้ 8 ยูนิต จากปีก่อนขายได้ 3 ยูนิต ราคาต่อหน่วยประมาณ 60 ล้านบาท ส่วนโครงการสมุยวิลล่าคาดว่าจะขายได้ 2-3 ยูนิต จากปีก่อนที่ไม่สามารถขายได้เลย

รวมทั้ง ปีนี้จะรับรู้รายได้จาก ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น เต็มปีอีกด้วย ปัจจัยหนุน คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก แต่ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ และโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้

ส่วนธุรกิจอาหารยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีแผนจะขยายสาขาเพิ่มปีละ 100-120 แห่ง และเพิ่มยอดขายในสาขาเดิม (Same store sales)ด้วยการปรับปรุงเมนูอาหารอย่างต่อเนื่อง และเน้นเรื่องการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น จะมีการปิดบางสาขาที่ไม่ทำกำไรในปี 53 ด้วย

บทวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย มองว่า อัตราการเข้าพักโรงแรมในเครือ MINT จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 4/52 หลังจากผ่านจุดต่ำที่สุดในไตรมาส 2/52 โดยธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นทิศทางตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/52 ที่อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพิ่มเป็น 50—55% จากไตรมาส 2/52 ที่อยู่ในระดับ 40—45% และในไตรมาส 4/52 คาดว่าดีขึ้นมาเป็น 60—65% ดังนั้น รายได้ในปีนี้ของบริษัทน่าจะเติบโต 8% ตามเป้าหมาย

ส่วนธุรกิจรับบริหารงานโรงแรมในสัปดาห์นี้บริษัทเตรียมที่จะเข้าบริหารงานโรงแรมที่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่มอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันที่บริษัทมีสัญญาบริหารที่จะทยอยเปิด 11 โรงแรม

นอกจากนี้ ยังคาดว่าจะรับรู้รายได้จากการขายโครงการเรสซิเดนซ์ที่ราชดำริในไตรมาส 4/53 ซึ่งจะทำให้รายได้ของ MINT ออกมาดีมาก รวมถึงทั้งปี 53 อัตราการเติบโตของรายได้และกำไรสูงเมื่อเทียบกับปี 52 ที่เป็นจุด Bottom ของธุรกิจ โดยให้ราคาเหมาะสมที่ 16.30 บาทต่อหุ้น

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ"ซื้อ"หุ้น MINT โดยมีปัจจัยบวกจากผลประกอบการไตรมาส 4/52 จะออกมาดีตามธุรกิจท่องเที่ยวที่ดีขึ้น อัตราการเข้าพักในโรงแรมเพิ่มขึ้นและต่อเนื่องมายังไตรมาส 1/53 และคาดว่าผลประกอบการในปี 53 จะออกมาดีกว่าปีก่อนมาก เนื่องจากปีก่อนผลประกอบการต่ำ

ปีนี้ บล.เอเชีย พลัส คาดว่ารายได้ MINT จะอยู่ที่ 19,300 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,600 ล้านบาท ทั้งจากธุรกิจโรงแรม การเปิดโรงแรมใหม่เพิ่ม และการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปี 53 คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการ St.Regis ซึ่งรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/53 นอกจากนี้ ปีนี้ยังรับรู้รายได้จาก MINOR ที่ควบรวมกิจการเมื่อไตรมาส 2/52 เต็มปี

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ไอร่า มองว่า ธุรกิจของ MINT ยังเติบโตต่อเนื่องจาก High season ธุรกิจโรงแรมตั้งแต่ไตรมาส 4/52-ไตรมาส 1/53 คาดว่าอัตราเข้าพักจะสูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะรับรู้รายได้จากการบริหารโรงแรมเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งรับรู้รายได้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากการขายห้องชุดระดับหรูด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ