บมจ.ไทยฮา(KASET)ตั้งเป้าปี 53 รายได้โต 15-20% หลังราคาสินค้าเกษตรพุ่ง-ดีมานด์เพิ่ม เผยตั้งแต่ครึ่งเดือนแรกของเดือน ม.ค.53 ยอดส่งออกพุ่งเท่ากับทั้ง Q1/52 มองวิกฤติสภาวะอากาศโลก-ภัยธรรมชาติ หนุนส่งออกสินค้าเกษตรจากภาวะขาดแคลนอาหาร
นอกจากนั้น ยังคาดว่าแนวโน้มราคาข้าวจะยังพุ่งต่อเนื่องหลังราคาส่งออกข้าวหอมมะลิพุ่งทะลุ 1 พันเหรียญ/ตันแล้วตั้งแต่ต้นปี จาก 940-950 เหรียญในตอนปลายปี 52 ขณะที่ข้าวชนิดอื่นๆก็ขยับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 15-20%
บริษัทยังเล็งปรับขึ้นราคาสินค้า เช่น วุ้นเส้น หลังต้นทุนวัตถุดิบราคาถั่วเขียวขยับขึ้นมาจาก 25 บาท/กก. เป็น 40 บาท/กก. ขณะที่ราคาวัตถุดิบอื่น ๆ ก็ขยับสูงขึ้นราว 10-20% เช่นกัน
นายสมฤกษ์ ตั้งวิรุฬธรรม กรรมการผู้จัดการ KASET เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มสินค้าเกษตร รวมถึง KASET ปรับตัวขึ้นแรงกว่า 8% วานนี้คงต้องยกเครดิตให้นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือซีพี ที่ออกมาคาดการณ์ว่าราคาสินค้าเกษตรในปีนี้จะสูงขึ้น ซึ่งนายธนินท์เป็นผู้มองการณ์ไกลและมีแนวคิดเป็นที่ยอมรับ
"คนก็คงหาโอกาสที่จะลงทุนในสินค้าเกษตร และเรื่องข้าวเราก็ชัดเจนอยู่"นายสมฤกษ์ กล่าว
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า ในความเป็นจริงสถานการณ์สินค้าเกษตรก็ถือว่าดีขึ้นจริงๆ เพราะเพียงครึ่งเดือนแรกของเดือน ม.ค.53 ยอดส่งออกของบริษัทก็สูงเท่ากับยอดส่งออกทั้งไตรมาสแรกของปี 52 แล้ว ประกอบกับ สภาวะอากาศโลกที่มีความผันผวน และเกิดภัยธรรมชาติในหลายพื้นที่ น่าจะส่งผลในทางบวกต่อการส่งออกสินค้าอาหารและสินค้าเกษตร
ยิ่งล่าสุดเช้านี้เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในประเทศเฮติ ก็อาจจะต้องมีการส่งความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาสาธารณภัยไปให้ ซึ่งจะเป็นประเด็นสนับสนุนให้ราคาอาหารและสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นอีก
"ไตรมาส 1 ปีนี้ดีกว่าไตรมาส 1 ปีที่แล้วแน่นอน เพราะตอนนี้ยอดขายต่างประเทศ หรือยอดที่เรารับออเดอร์ไว้ 15 วันแรกของเดือน ม.ค.53 ก็เท่ากับ 3 เดือนของปีที่แล้ว ใน Period เดียวกัน"นายสมฤกษ์ กล่าว"อินโฟเควสท์"
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเป็นขาขึ้นชัดเจน ทำให้แนวโน้มสินค้าเกษตรอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนจะดีแบบนี้ตลอดทั้งปีหรือไม่ ก็คงติดตามกันต่อไป แต่จากภาวะวิกฤติด้านภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของโลก แต่ไมได้เกิดขึ้นกับประเทศไทย ก็เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์เต็มที่
"ผมว่าที่เราเห็นตอนนี้คือ ประเทศโลกตะวันตกหิมะตก อากาศเพี้ยน ดินฟ้าอากาศผิดปกติ ทำให้กระทบผลผลิตโลก ซึ่งถ้าประเทศไทยไม่มีปัญหาแต่ประเทศอิ่นมีปัญหา ผมว่าเป็นขาขึ้นมากมาย"นายสมฤกษ์ กล่าว
นายสมฤกษ์ กล่าว บริษัทตั้งเป้าปี 53 รายได้โต 15-20% จากปีก่อนที่ทำได้ต่ำกว่าเป้าหมาย หลังจการาคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่ปีนี้อาจจะเป็นปีที่ดีปีหนึ่งของบริษัท
"ถ้าราคาสินค้าเกษตรยังคงสูงแบบนี้ ดีมานด์ทั่วโลกยังมีความต้องการสูง Destination ยังคงเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่าก็มีโอกาส มีความเป็นไปได้ เพราะอย่างประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญๆของโลก มีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า ยังตอบไม่ได้จริงๆ เพราะยังมองไม่ออก"นายสมฤกษ์ กล่าว
นอกจากในด้านดีมานด์จะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังคาดว่าแนวโน้มด้านราคาจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะราคาข้าวจะยังพุ่งต่อเนื่อง หลังราคาส่งออกข้าวหอมมะลิของบริษัทพุ่งทะลุ 1 พันเหรียญ/ตันตั้งแต่ต้นปีนี้ จาก 940-950 เหรียญ/ตันในตอนปลายปี 52 โดยล่าสุดปรับมาอยู่ที่ 1,100 เหรียญ/ตันแล้ว
ขณะที่ราคาข้าวชนิดอื่นๆ ก็ขยับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 15-20% ทุกตัว
ส่วนที่คาดการณ์กันว่าราคาข้าวมีโอกาสทะลุ 2 หมื่นบาท/ตันนั้น นายสมฤกษ์ กล่าวเพียงว่า เป็นไปได้ หากผลผลิตของโลกยังไม่กระเตื้องขึ้น หรือเกิดเอลนินโญ่ หรือเกิดภัยธรรมชาติรุนแรง ซึ่งล่าสุดเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่ประเทศเฮติ ก็น่าจะมีผลสนับสนุนให้ความต้องการข้าวและอาหารอื่น ๆ มีมากขึ้น โดยเฉพาะเฮติมีการนำเข้าข้าวคค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่นำเข้าจากสหรัฐและเวียดนาม เมื่อเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงแบบนี้ อาจจะมีการส่งความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาสาธารณภัยจากนานาชาติไปให้เพิ่มด้วย
นายสมฤกษ์ ยังเปิดเผยอีกว่า จากภาวะราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนจะปรับขึ้นราคาสินค้าในประเทศบ้าง เช่น วุ้นเส้น หลังจากต้นทุนวัตถุดิบราคาถั่วเขียวขยับขึ้นมาจาก 25 บาท/กก. เป็น 40 บาท/กก. ขณะที่ราคาวัตถุดิบอื่น ๆ ก็ขยับสูงขึ้นราว 10-20% เช่นกัน แต่จะพยายามให้กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกผู้บริโภคน้อยที่สุด