ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ก่อนที่ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ในสหรัฐจะเข้าชี้แจงเกี่ยวกับวิกฤตการณ์การเงินต่อสภาคองเกรสสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุในรายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังค่อนข้างต่ำ และทางการสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นในเดือนธ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 53.51จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 10,680.77 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 9.46 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 1,145.68 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 25.59 จุด หรือ 1.12% ปิดที่ 2,307.90 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่เกือบ 1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 14 ต่อ 5 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.32 พันล้านหุ้น
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินก่อนที่ผู้บริหารธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ รวมถึงซีอีโอของโกลด์แมน แซคส์, มอร์แกน สแตนลีย์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และแบงค์ ออฟ อเมริกัน เข้าชี้แจงเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านการเงินต่อคณะกรรมาธิการชุดเฉพาะกิจของสภาคองเกรส
อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีปิดในแดนบวก แต่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนตัวผันผวน หลังจากเฟดระบุในรายงาน Beige Book ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐประจำเดือนธ.ค.อยู่ที่ 9.185 หมื่นล้านดอลลาร์ พุ่งขึ้นจาก 5.175 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.ปี 2008 ซึ่งก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณอาจอยู่ที่ 9.20 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
หุ้นกูเกิลร่วงลง 0.6% หลังจากมีรายงานว่ากูเกิล อิงค์ เตรียมปิดสำนักงานและระงับการให้บริการเว็บไซต์ในจีน หลังถูกมือดีเจาะข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์เมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเชื่อว่า เสิร์ชเอนจิ้นสัญชาติจีนอย่างไป่ตู้ อาจได้รับประโยชน์หากกูเกิลปิดให้บริการเว็บไซต์จริง โดยข่าวดังกล่าวหนุนหุ้นไป่ตู้พุ่งขึ้น 13.7%
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปิดบวก 0.7% หุ้นเจพีมอร์แกนปิดพุ่ง 1.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปิดบวก 0.4% และหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดบวก 1.6%
นักลงทุนจับตาดูรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. และเฟดจะเปิดเผยตัวเลขการผลิตทางอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนธ.ค.