บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากการประชุมกับผู้บริหาร SCIB วานนี้ ผู้บริหารยืนยันดีลขายหุ้นยังดำเนินไปตามปกติ กระบวนทั้งหมดเสร็จใน 2Q10
สำหรับกำไร 4Q09 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 35% Y-Y จากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญที่ลดลง หากเทียบกับไตรมาสก่อน คาดว่าจะลดลง 21% Q-Q เพราะไม่มีเงินปันผลรับจากวายุภักษ์ ซื้อเก็งกำไรโดยคาดว่าราคา M&A น่าจะไม่ต่ำกว่า 30—32 บาท
ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุว่า SCIB คาดการขายหุ้นจะเสร็จสิ้นภายในกลางปี 53 กระบวนการขายหุ้นของกระทรวงการคลังยังดำเนินการตามแผน ซึ่งคาดว่าจะเปิดรายชื่อผู้ชนะประมูลราวปลายเดือนก.พ. 53 บนหลักการที่ตกลงกันไว้ 3 ข้อคือ 1) มีความโปร่งใสในการซื้อขาย 2. ก่อให้เกิด Synergy และ 3. ราคาซื้อขายที่สมเหตุสมผล ทั้งนี้ราคาขายขั้นต่ำตามที่กระทรวงการคลังกำหนดคือ 1.5 เท่าของมูลค่าตามบัญชีหรือราคาซื้อต้องไม่ต่ำกว่า 30 บาท
ส่วนกำไรในช่วง 4Q52 ดีขึ้น 69%YoY ทรงตัว QoQ เราคาดว่า SCIB จะมีกำไรในช่วง 4Q52 ราว 1,085 ล้านบาทด้วยสมมติฐานของ NIM ที่ 3.25% ซึ่งปรับดีขึ้นจาก 3.18% ในช่วง 4Q51 แต่น้อยกว่า NIM ในช่วง 3Q52 ซึ่งเท่ากับ 3.33% จากที่ไม่ได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์
ทั้งนี้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีการเติบโตดีมากจากการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยตามนโยบายในการลดการพึ่งพิงลูกค้ารายใหญ่ทำให้มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการใช้บัตร ATM บัตรเครดิต การขาย cross sale และโดยเฉพาะรายได้จากการขายประกันชีวิตผ่านธนาคาร (bancassurance) ส่งผลให้กำไรทั้งปี 52 มีแนวโน้มทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 51 ที่ 4,114 ล้านบาทเทียบกับ 4,162 ล้านบาทในปี 51 ซึ่งดีกว่าประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 3.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 53 เพิ่มขึ้น 50 % จาก 3.3 พันล้านบาทเป็น 5 พันล้านบาท บนสมมติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ 6%