โบรกฯ เชียร์"ซื้อ"BECL ปริมาณใช้ทางด่วน-กำไรปี 53 เติบโตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 14, 2010 14:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หรือ"ซื้อเมื่ออ่อนตัว"หุ้น บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL)มองบริษัทยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีต่อเนื่องในปีนี้ จากปริมาณการใช้ทางด่วนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อานิสงส์การเปิดศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ และการปิดซ่อมสะพานข้ามแยกหลายแห่งทั่วทั้ง กทม.ส่งผลต่อการรายได้ในปี 52 ดีขึ้นกว่าปี 51 และมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินปันผลสูงกว่าปีก่อนหน้าเช่นกัน

สำหรับคาดการณ์ผลประกอบการปี 53 กำไรน่าจะอยู่ในช่วง 1.78-1.84 พันล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อน

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ             ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ทิสโก้              ซื้อ                   25.00
          บล.ทรีนิตี้          ซื้อเมื่ออ่อนตัว               21.60
          บล.เคทีบี              ซื้อ                   23.25
          บล.ยูไนเต็ด            ซื้อ                   23.60

นายฐาปน พานิช นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มการทำรายได้ของ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ (BECL)ยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณการจราจรที่ดีขึ้นจากการปิดซ่อมสะพานข้ามทางแยกหลายแห่ง และการเปิดศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร ถนนแจ้งวัฒนะ ทำให้มีปริมาณการใช้ทางด่วนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ในระยะยาวคาดว่าข้อพิพาทระหว่าง BECL กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยกรณีการปรับค่าผ่านทางด่วนขั้นที่ 2 ปี 46 และ 51 น่าจะมีข้อยุติในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทมากขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 53 BECL น่าจะมีรายได้ประมาณ 1,900 ล้านบาท และน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ดีกว่าปีก่อน คาดว่าปีนี้จะน่าจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 1.02 บาท/หุ้น จากปกติจ่ายปันผลที่ 1 บาท/หุ้น

บล.ยูไนเต็ด มองแนวโน้มบริษัทในปี 53 ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการเปิดใช้ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยพบว่ายอดการใช้ทางด่วนที่ยังคงเติบโตมากและต่อเนื่อง แสดงถึงการฟื้นตัวของการปริมาณการใช้ทางด่วนที่เติบโตได้ต่อเนื่อง

ทั้งปี 52 ยอดการใช้ทางด่วนกลับมาเติบโต 3.1% หรือ 900,000 คัน/วัน โดยมีรายได้เฉลี่ยที่ 19.09 ล้านบาท/วัน เพิ่มขึ้น 9.2% โดยปี 53 มองว่า บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 1,780 ล้านบาท (EPS 2.31 บาท/หุ้น)

นายอดิศักดิ์ พรหมบุญ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้ทางด่วนในครึ่งแรกปี 53 ยังขยายตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากปริมาณการใช้ทางด่วนเดือน ธ.ค.52 เติบโตต่อเนื่อง 8% ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 8.5% หรือเฉลี่ย 21.7 ล้านบาท/วัน ได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดใช้ศูนย์ราชการที่แจ้งวัฒนะเป็นหลัก และการปิดซ่อมสะพานข้ามแยกทั่วกรุงเทพฯ จะช่วยให้ปริมาณการใช้ทางด่วนขยายตัวต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มองว่าแนวโน้มปริมาณการใช้ทางด่วนในช่วงครึ่งหลังปี 53 จะลดลง เนื่องจากศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ที่เริ่มเปิดใช้ตั้งแต่เดือน มิ.ย.52 มีปริมาณการใช้ทางด่วนอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ขณะที่การปิดซ่อมสะพานข้ามแยกทั่วกรุงเทพฯ จะเสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 53

ขณะที่มองว่าแนวโน้มการเติบโตรายได้ของบริษัทในปี 53 ต้องพึ่งพาการขยายตัวของปริมาณการใช้ทางด่วนแต่เพียงอย่างเดียว ขณะที่บริษัทได้ปรับอัตราค่าทางด่วนไปแล้วเมื่อปี 51 และจะมีการปรับอัตราค่าทางด่วนครั้งต่อไปใน ปี 56 อีกทั้งคาดว่ากำไรในปี 55 มีแนวโน้มชะลอตัวลงเนื่องจากสัญญาสัมปทาน BECL จะได้รับส่วนแบ่งรายได้ค่าทางด่วนในเขตเมืองกับการทางพิเศษฯ จะลดลงจาก 50% เหลือ 40% ในปี 54

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี กล่าวว่า ในปี 53 คาดว่า BECL จะมีกำไรประมาณ 1,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% ซึ่งแนวโน้มบริษัทเติบโตได้ จากปริมาณการใช้ทางด่วนที่เพิ่มขึ้นจากหลายปัจจัย ที่จะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทดีขึ้น รวมถึงการที่ทางยกระดับดอนเมืองโทลเวย์ ได้มีการปรับขึ้นค่าผ่านทางเมื่อเดือน ธ.ค.52 ทำให้บริษัทได้รับอานิสงก์ที่จะผู้ใช้รถยนต์จะหันมาใช้ทางด่วนมากขึ้น

นอกจากนี้ ต้นทุนบริษัทลดลง หลังจากได้ในช่วงไตรมาส 4/52 บริษัทได้มีการออกหุ้นกู้ใหม่ 2,000 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้เดิมไปแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ