โบรกฯ หนุน"ซื้อ"KCE คาด Q4/52 ทุบสถิติ 10 ปี-กำไรขั้นต้นปี 53 โดดเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 15, 2010 10:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ประสานเสียงเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์(KCE)คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/52 เติบโตสูงสุดในรอบ 9-10 ปีรายไตรมาส ช่วยให้พลิกสถานการณ์ปี 52 มีกำไรได้ จากที่ขาดทุน 399 ล้านบาทในปี 51 พร้อมกันนั้น อาจมีลุ้นข่าวดีจ่ายปันผลได้ด้วย

ขณะที่คาดว่าในปี 53 กำไรจะเติบโต กว่า 200% หรือ มีกำไรสุทธิในช่วง 450-602 ล้านบาท ปัจจัยหลักบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็นกว่า 20% จากเดิม 15-17% เพราะผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น และยังได้ออร์เดอร์เพิ่มเข้ามาทั้งลูกค้าใหม่และเก่า โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัว รวมทั้งตัวบริษัทเองก็ความสามารถในการลดต้นทุนได้ดี

แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมา 18.18% จาก 4 ม.ค.53 จนถึงวานนี้(14 ม.ค.)ซึ่งราคาปิดที่ 4.94 บาท บวก 0.20 บาท (+4.22%) และราคาสูงสุดที่ 5 บาทเป็นจุดนิวไฮ นักวิเคราะห์ก็ยังแนะนำ"ซื้อ"เพราะราคายังห่างจากเป้าหมายมาก

          โบรกเกอร์         คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          บล.ยูไนเต็ด         ซื้อ            8.00
          บล.ทรีนิตี้           ซื้อ            7.80
          บล.กิมเอ็ง          ซื้อ            6.80
          บล.ดีบีเอสฯ         ซื้อ            6.52
          บล.เอเซียพลัส       ซื้อ            6.50
          บล.เกียรตินาคิน      ซื้อ            6.20

น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า KCE มีแนวโน้มกำไรที่ฟื้นตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องมาในไตรมาส 4/52 มาถึงไตรมาส 1/53 จากทั้งการเติบโตของยอดขาย ลูกค้าใหม่ การเพิ่มสัดส่วนสินค้า high-end (PCB เกินกว่า 4 ชั้น) ทำให้อัตรากำไรสูงและมาตรการลดค่าใช้จ่าย โดยคาดว่าในไตรมาส 4/52 จะมีกำไรประมาณ 127 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 9 ปี

"ไตรมาส 4/52 คิดว่าจะมีกำไรทำ record 9 ปี และไตรมาส 1/53 ยิ่งดีขึ้นอีก เพราะ cut cost ได้มาก เพราะผู้บริหารใหม่ได้ลดต้นทุนทั้งการผลิตและการบริหารได้ดี และตอนนี้ก็มีโอกาสลดได้อีก"น.ส.ศลยากล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีออเดอร์ลูกค้าใหม่เข้ามา 2 รายตือ แคนนอน และ จอห์สัน คอนโทรล รวมทั้ง ออเดอร์จากลูกค้าเก่าที่ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมยานยนต์ ประกอบกับ โรงงานที่บางปู(KCEI)กลับมาผลิตตั้งแต่ก.ย.52 และคาดว่าจะผลิตเต็มกำลังในไตรมาส 1/53

แต่ KCE มีปัจจัยเสี่ยงเรื่องราคาทองแดง ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญ และ เงินบาทที่แข็งค่าที่ทำให้รายได้ลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทเปลี่ยนวิธีการป้องกันความเสี่ยงมาซื้อออพชั่น แทนการทำฟอร์เวิร์ดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งทำให้บริษัทเกิดผลขาดทุน

ทั้งนี้ คาดกำไรในปี 53 อยู่ที่ 450 ล้านบาทหรือ 0.97 บาท/หุ้น โดยคิดบนสมมติฐานที่เงินบาทอยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์

"ดูตามพื้นฐาน ยังน่าซื้อ แต่รอจังหวะอ่อนตัวกว่านี้ เพราะราคาปรับขึ้นไปเยอะ ก็ต้องดูทางเทคนิคเคิล แต่เทียบกับราคาพื้นฐานก็ยังมี upside"น.ส.ศลยา กล่าว

ด้านนักวิเคราะห์ จาก บล.ยูไนเต็ด คาดว่า ไตรมาส 4/52 KCE มีกำไรสุทธิที่ 167 ล้านบาท ซึ่งทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 10 ปี ทั้งที่โรงงาน KCEI มีผลขาดทุน 30 ล้านบาท ส่งผลภาพรวมผลการดำเนินงานปี 52 พลิกมีกำไรสุทธิกว่า 176 ล้านบาทจากที่ขาดทุนกว่า 399 ล้านบาทในปี 51 โดยไตรมาส 4/52 คาดว่าบริษัทจะมีอัตรากำไรขั้นต้น 23.9% จากปกติมีอัตราที่ 15-17% ทั้งนี้คาดว่าจะกำไรจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 1/53

และคาดว่าในปี 53 น่าจะถึง 600 ล้านบาท ปรับประมาณการจากเดิมที่คาดไว้ 442 ล้านบาท เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น ลดต้นทุนได้ดี และมีออเดอร์กลับเข้ามาเพิ่มตาการฟื้นตัวของธุรกิจยานยนต์

"เรามองว่าสิ้นปีกำไรของเขาน่าจะขึ้นไปถึง 600 ล้านบาท และมองว่ากำไรฟื้นตัวในครั้งนี้จะมีกำไรน่าจะยั่งยืนจากเมื่อก่อนเขามีกำไรขึ้นๆลงๆ ถ้ามองข้ามเรื่องความผันผวนของราคาทองแดง ผมว่า KCE เป็นหุ้น Turnaround"นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้ ราคาปัจจุบัน มี P/E ประมาณ 4.7 เท่า และราคาพื้นฐานที่ 8 บาทที่ให้ไว้มี P/E 6 เท่า

บทวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ มองว่า KCE จะมีปรากฎการณ์ Big Turnaround จากไตรมาส 4/52 จะเป็นจุดยืนยันการพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรอย่างมีนัยสำคัญของ KCE โดยคาดการณ์ว่างวดไตรมาส 4/52 จะมีกำไรสุทธิในระดับที่น่าประทับใจถึง 145 ล้านบาท ทำให้ทั้งปี 52 กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 154 ล้านบาท หรือ 1.30 บาทต่อหุ้น เติบโต 290% YoY คิดเป็น PER ต่ำเพียง 3.6 เท่า

สาเหตุสำคัญคือการทำอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงขึ้นจากระดับเฉลี่ยที่เคยทำได้ 15% ขึ้นมาเป็น 24% เป็นผลจากปรับสายการผลิตมาผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้น สูงขึ้น (แผ่นวงจรสำหรับรถยนต์) และปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานที่ช่วยลดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บล.ทรีนิตี้ยังได้ปรับคาดการณ์ยอดขายปี 53 เพิ่มขึ้น 6% เป็น 215 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และด้วยแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ยังปรับดีขึ้นต่อเนื่องทำให้ปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 22% เป็น 23.5% ดีขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยปี 51 และ 52 ที่ 13.5% และ 16.7% มาก คาดการณ์กำไรสุทธิปี 53 จึงเป็น 602 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นถึง 35% จากเดิม) โตขึ้น 290% YoY

"ด้วยประมาณการใหม่ราคาเหมาะสมของเราจึงปรับขึ้นเป็น 7.80 บาท (6 เท่า PER 53) แนวโน้มของอัตรากำไรที่ดีขึ้นและการกลับมาเปิดโรงงานที่บางปูจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% จะเป็นปัจจัยสำคัญของการเติบโตปี 53 เชื่อว่าการปรับปรุงทั้งการลดต้นทุนและนโยบายความเสี่ยงจะทำให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน จึงปรับคำแนะนำขึ้นจากซื้อเป็น “ซื้อเต็มที่"บทวิเคราะห์ระบุ

ทั้งนี้ KCE ดำเนินธุรกิจผลิต ผลิตภัณฑ์แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board หรือ PCB) โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นหลัก (69% ของยอดขายรวม) โดยมี 3 โรงงานได้แก่ โรงงาน KCE (ลาดกระบัง), KCT (บางปะอิน) และ โรงงาน KCEI (บางปู)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ