นายอำพน กิตติอำพน ประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย(THAI) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทกำหนดจะพิจารณาแผนการเพิ่มทุนบริษัทให้เสร็จสิ้นไม่เกินไตรมาส 2/53 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงในแง่ของตัวเลข หลังจากที่ผลประกอบการปี 52 ออกมาดีกว่าที่คาดหมาย โดยการเพิ่มทุนครั้งใหม่นี้บริษัทจะนำไปใช้ลงทุนซื้อเครื่องบิน และปรับปรุงอายุฝูงบินให้ลดลงเหลือ 11 ปี
"สรุปเรื่องแผนเพิ่มทุนไม่เกินไตรมาส 2 และกระทรวงการคลังเองก็พร้อมที่จะใช้สิทธิเพิ่มทุนให้เรา เพราะเห็นจากผลประกอบการปี 52 เราทำได้ดีกว่าที่คาดหมาย" นายอำพน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ THAI มีสภาพคล่องในระดับที่ดี โดยมีกระแสเงินสด 8,000-10,000 ล้านบาท/เดือน และได้คืนเงินกู้ระยะสั้นของธนาคารพาณิชย์จำนวน 20,000 ล้านบาทตามแผนฟื้นฟูธุรกิจไปแล้วจากการที่บริษัทมี EBIDA จำนวน 24,000 ล้านบาท โดยในช่วงเกิดวิกฤติอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)สูงถึง 4.8 เท่า แต่ขณะนี้ได้ปรับลดลงแล้ว
สำหรับในปี 53 บริษัทยังคงนโยบายลดต้นทุน โดยการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
"ตอนนี้เราได้ออกจากแผนฟื้นฟูแล้ว เราเหมือนคนไข้ที่ออกจากห้องไอซียูแล้ว แต่ย้ายมาห้องพักฟื้น...จากที่เราเคยขาดทุน 21,000 ล้านบาท (ในปี 51) และกลับมามีกำไรในปี 52 แต่เรายังคงควบคุมค่าใช้จ่ายต่อไป" ประธานกรรมการ THAI กล่าว
ประธานกรรมการ THAI กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้จะได้พิจารณาเพิ่มอัตราเงินเดือน และโบนัสให้พนักงาน ซึ่งการปรับเงินเดือนจะมีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ม.ค.53 เนื่องจากบริษัทสามารถกกลับมาสร้างผลกำไรได้ในปี 52 จึงอยู่ในเงื่อนไขที่จะต้องมีการปรับเงินเดือนให้พนักงาน
ส่วนผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการกระทำของกรรมการบริษัท ขนกระเป๋าสัมภาระ เที่ยวบินที่ TG 677 เส้นทางโตเกียว-กรุงเทพฯ เมื่อ 14 พ.ย.52 นั้น ได้มีการเสนอรายงานผลการตรวจสอบ พบว่านายวัลลภ พุกกะณะสุต อดีตกรรมการและประธานกรรมการ THAI พร้อมด้วย นางจารุวรรณ พุกกะณะสุต และ นางพิมใจ มัตสุโมโต นำสัมภาระ 30 ชิ้น น้ำหนัก 398 กก.เกินสิทธิที่ได้รับ 228 กก.
ส่วนนายพฤทธิ บุปผาคำ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ THAI มีสัมภาระจำนวน 10 ชิ้น น้ำหนัก 113 กก.โดยขนสัมภาระเกินสิทธิ 78 กก.ไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีการอนุมัติน้ำหนักสัมภาระตามระเบียบบริษัท ดังนั้น การขนสัมภาระเกินสิทธิที่ได้รับดังกล่าว บริษัทได้รับผลกระทบด้านรายได้ จึงให้นายวัลลภ และนายพฤทธิ จ่ายค่าปรับรวมเป็นเงิน 2 แสนบาท
นอกจากนี้คณะกรรมการได้พิจารณาเห็นว่า นายวัลลภ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท จึงไม่ได้พิจารณาเกี่ยวกับความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งของนายวัลลภอีก ส่วนกรณีนายพฤทธิ ปรากฎว่าสัมภาระเป็นสินค้าตัวอย่างของบริษัท ที่ฝ่ายครัวการบินไทยฝากขึ้นเครื่อง