บมจ.ทิสโก้ไฟแนนซ์เชียลกรุ๊ป (TISCO) คาดว่าในปี 53 กำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปี 52 เนื่องจากได้ตั้งเป้าการขยายตัวของสินเชื่อในระดับ 10% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัว 9.8% ขณะที่พยายามรักษาระดับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในระดับเฉลี่ย 4.6% ใกล้เคียงปีก่อน
นอกจากนั้น TISCO ยังมองโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการธุรกิจเช่าซื้อเพิ่มเติม แต่ยอมรับว่าคงไม่ง่ายเหมือนช่วงเศรษฐกิจหดตัวในปี 52
นายปลิว มังกรกนก ประธานเจ้าหน้าบริหารกลุ่มบริษัท TISCO เปิดเผยว่า ในปี 53 เชื่อว่ากลุ่มบริษัทยังสามารถสร้างกำไรสุทธิดีขึ้นจากปี 52 ที่มีกำไรสุทธิ 2,004.75 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะสามารถรักษาส่วนต่างดอกเบี้ย(Spread) ใกล้เคียงปี 52 ที่ 4.6% ขณะที่ปล่อยสินเชื่อคาดว่าจะเติบโตได้ 10% จากสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นปี 52 ที่113,232.98 ล้านบาท และบริษัทจะควบคุมค่าใช้จ่ายลดลง
ทั้งนี้ จากที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในปี 53 ดอกเบี้ยมีทิศทางขาขึ้น นายปลิว มองว่า น่าจะเป็นการทยอยปรับขึ้น อาจจะไปมีผลกระทบต่อ spread ในปี 54 มากกว่า เนื่องจากต้องใช้เวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในตลาด อีกทั้งมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยในประเทศจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหรัฐ หลังประธานาธิบดีของสหรัฐระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 3/53
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ากลุ่ม TISCO จะไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้มีการบริหารและปรับโครงสร้างต้นทุนที่ดี ทั้งในส่วนของสินทรัพย์และสัดส่วนเงินฝาก ขณะที่เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS)อยู่ในระดับสูง 17.5% เป็นกองทุนขั้นที่ 1 อัตรา 15% ถือว่าสามารถขยายธุรกิจได้อีกหลายปีโดยไม่น่าเป็นห่วง และยังได้มีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในอัตราที่สูงถึง 727.85 ล้านบาท ทำให้ไม่มีภาระน่ากังวล
นายปลิว กล่าวอีกว่า สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะเป็นธุรกิจหลักในการสร้างรายได้ของกลุ่ม ในปี 53 ซึ่งยังมองหาการเข้าซื้อกิจการเช่าซื้อเพิ่มเติมอีก แต่คงไม่มากเท่าปี 52 ที่เข้าซื้อกิจการ 2 แห่ง คือ ไพรมัส ลิสซิ่ง และ บริษัท จีเอ็มเอซี (ประเทศไทย) เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจในปี 53 มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ทำให้ธุรกิจลิสซิ่งเริ่มปรับตัวดีขึ้น การขายกิจการคงมีน้อยลง อย่างไรก็ตาม จะเห็นธุรกิจเช่าซื้อขนาดกลางและเล็กมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ขณะที่ธนาคารขนาดใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อจะมีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่ที่สุด
"การดำเนินธุรกิจของกลุ่มเราในปี 53 ถือว่าเป็นปีที่ท้าทาย เพราะความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจที่มี และทุกคนจะเริ่มปรับตัวได้ แต่ตอนที่เรามีการบริหารความเสี่ยงและการปรับโครงสร้าง ทำให้เชื่อว่ากลุ่มธุรกิจทิสโก้ยังเติบโตได้ รวมถึงธุรกิจเช่าซื้อ" นายปลิว กล่าว
กลุ่ม TISCO จะยังคงเพิ่มและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยจะมีการเพิ่มจำนวนเครื่องทิสโก้ E-money ATM อีก 100 เครื่อง และจากการที่ธนาคารได้เปิดสาขาใหม่อีก 9 สาขา เมื่อปี 52 ทำให้ขณะนี้มีสาขารวม 42 สาขา เชื่อว่าจะทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มปริมาณธุรกรรมระดมเงินฝากและการปล่อยสินเชื่อได้แข็งแกร่งขึ้น