นายสุพจน์ สุนทรินคะ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ บมจ.สาลี่อุตสาหกรรม(SALEE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้ บริษัท สาลี่ พรินท์ติ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับคำสั่งผลิตสติกเกอร์ให้กับลูกค้าใหม่จากประเทศยุโรป คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 1/53 รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 1-2 ราย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหม่ที่ได้รับคำแนะนำมาจากบริษัท Pago Holding AG(PAGO) หลังจากที่เข้ามาถือหุ้น
สำหรับออร์เดอร์ใหม่ที่บริษัทได้รับนั้นน่าจะช่วยส่งผลให้สัดส่วนรายได้ที่มาจาก สาลี่ พรินท์ติ้ง เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ขึ้นเป็น 30-35% ในปี 53 จากที่อยู่ในระดับ 25-30% ในปี 52 โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 300 ล้านบาท หลังจากเพิ่งเริ่มรับรู้เข้ามาในไตรมาส 4/52
นอกจากนั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของการก้าวไปสู่เป้าหมายของทั้ง SALEE และ PAGO ที่ต้องการเป็นผู้นำในธุรกิจการพิมพ์ฉลากผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้ง ยังเป็นผลดีต่อธุรกิจในระยะยาวด้วย
อนึ่ง SALEE มีบริษัทย่อยและบริษัทที่ลงทุนด้วย คือ บริษัท สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด ซึ่ง SALEE ถือหุ้น 70%, บริษัท ยูเนี่ยนซันไรส์ จำกัด ถือหุ้น 17.99%, บริษัท สาลี่ คัลเล่อร์ จำกัด ถือหุ้น 10.85% บริษัท สาลี่ เอคอท (ประเทศไทย)จำกัด ถือหุ้น 90% และบริษัท เอสซี วาโด จำกัด ถือหุ้นในอัตราส่วน 75%
นายสุพจน์ กล่าวว่า ในด้าน บริษัท เอสซี วาโด ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์นั้นเชื่อว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในทิศทางดีขึ้นตั้งแต่ในไตรมาส 3/52 และคาดว่าจะต่อเนื่องมาถึงปีนี้ด้วยตามออร์เดอร์ที่เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ เอสซี วาโด จะสร้างรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท หรือ คิดเป็นสัดส่วน 40% ของรายได้รวม จาก 35-40% ในปี 52
ขณะที่รายได้เฉพาะกิจการของ SALEE มีสัดส่วนลดลงเหลือ 30% จากเดิม 35% ของรายได้รวม และจากปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทประเมินว่ารายได้รวมในปี 53 จะเติบโต 10-15% จากปีก่อน
"ในปีนี้เราคงโฟกัสที่ธุรกิจเดิมที่เราทำทั้ง 3 บริษัทให้ขยายเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วน สาลี่ พรินท์ติ้ง ปีนี้คงจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะการที่เราได้ PAGO เขาช่วยเราได้เยอะทั้งการแนะนำลูกค้าให้เรา ความเชื่อถือที่มากขึ้นโดยลูกค้ารายใหม่ที่เจรจาอยู่นั้นก็คาดว่าจะเห็นได้คงประมาณครึ่งแรกปี 53 ขณะที่บริษัทลูกที่เหลือก็มีแนวโน้มกลับมาดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทำให้ลูกค้ากลับมาลงทุน" นายสุพจน์ กล่าว
ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์และพัฒนาธุรกิจ SALEE กล่าวต่อว่า การที่บริษัทมีออร์เดอร์จากลูกค้าเพิ่มขึ้นนั้น เชื่อว่าจะส่งผลให้กำลังการผลิตรวมปรับเพิ่มขึ้นเป็น 90% จาก 80% ในปี 52 ซึ่งบริษัทได้มีการลงทุนราว 100 ล้านบาทในการเพิ่มเครื่องจักรใหม่ใน สาลี่ พรินท์ติ้ง แต่ในส่วนของเอสซี วาโด คงจะต้องประเมินอย่างระมัดระวัง เพราะต้องธุรกิจฮาร์ดดิสก์ขึ้น-ลงเร็ว ประกอบกับ ช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการลงทุนไปแล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางธุรกิจที่ต้องระมัดระวังในปีนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนทั้งราคาน้ำมันและวัตถุดิบ รวมทั้งอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งในส่วนของแนวโน้มราคาน้ำมันบริษัทได้ป้องกันด้วยการล็อคราคากับซัพพลายเออร์ไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความผันผวน ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนก็ซื้อล่วงหน้าไว้บางส่วน