(เพิ่มเติม) SAMART ตั้งเป้าปี 53 รายได้ 2.5 หมื่นลบ.กำไรแตะ 1 พันลบ.,ลงทุนโรงไฟฟ้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 15, 2010 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) เปิดเผยว่า ในปี 53 กลุ่มบริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 35-40% จากปี 52 ขณะที่คาดว่ากำไรของกลุ่ม SAMART ในปีนี้มีโอกาสแตะ 1 พันล้านบาท

"รายได้และกำไรในปี 53 จะสูงเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ปีนี้จะอายุครบ 55 ปีพอดี เราจะเห็นกำไรแตะพันล้านบาท และรายได้สูงถึง 2.5 หมื่นล้านบาท...ปีนี้ SAMART จะสร้างรายได้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและสามารถสร้างผลกำไรทะลุพันล้านบาทได้ไม่ยาก" นายวัฒน์ชัย กล่าว

บริษัทเชื่อว่ารายได้จะเติบโตทั้งธุรกิจไอซีทีที่จะมีงานประมูลในปริมาณสูงออกมาทั้งงานภาครัฐและงานเอกชน โดยงานภาครัฐบริษัทสนใจงานของกระทรวงศึกษาธิการและกรมที่ดิน ที่มีงานรอประมูลเกือบ 4 พันล้านบาท ที่ผ่านมาบริษัทเคยประมูลงานได้ 400 ล้านบาท น่าจะมีโอกาสมากกว่าคู่แข่ง

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า รายได้ส่วนใหญ่จะมาจากธุรกิจหลัก คือ กลุ่ม บมจ.สามารถเทลคอม (SAMTEL) ซึ่งทำงานด้านวางระบบไอทีโซลูชั่น คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 1.03 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% จากปีก่อน ปัจจัยส่งเสริมคือการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะจากโครงการไทยเข้มแข็ง รวมถึงภาคธุรกิจเอกชนฟื้นตัวขึ้น

ทั้งนี้ ในปี 52 SAMTEL มีรายได้สูงถึง 6 พันล้านบาท หรือเติบโตกว่า 100% และสามารถประมูลงานได้กว่า 8 พันล้านบาท และขณะนี้เหลือมูลค่างานคงค้าง 7 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ภายในปีนี้

ขณะที่ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) ซึ่งทำธุรกิจด้านโทรศัพท์มือถือครบวงจร ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 30% จากปี 52 โดยจะมาจากยอดขายโทรศัพท์มือถือรวม 4.5 ล้านเครื่อง เป็นยอดขายในประเทศ 3.3 ล้านเครื่อง และยอดขายต่างประเทศ 1.2 ล้านเครื่อง

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ปี 52 ธุรกิจโทรศัพท์มือถือไม่ดีนักจากผลกระทบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เชื่อว่าในปีนี้จะฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากที่บริษัทได้รุกตลาดโทรมือถือทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีหน้าบริษัทมีแผนจะรุกตลาดในอินโดนีเซียมากขึ้นด้วยการจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อขยายตลาด

ประกอบกับปีหน้า บริษัทเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นของโทรศัพท์มือถือจะสูงกว่าปี 52ที่อยู่ในระดับ 12% เนื่องจากในปีก่อนบริษัทมีปัญหาสต็อกโทรมือถือคงค้าง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง แต่ปีนี้ปัญหาดังกล่าวได้หมดไปแล้ว และมีการออกโทรมือถือเฮ้าส์แบรนด์รุ่นใหม่มากขึ้น และมีระดับราคาสูงขึ้น รองรับระบบ 3G ภายใต้แบรนด์ i-mobile 3G X ที่ดำเนินการร่วมกับบริการ 3G ของบมจ.ทีโอที ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมียอดผู้ใช้บริการกว่า 2 แสนราย

บริษัทคาดว่าส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)โทรศัพท์มือถือ i-mobile ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 35% จากปีก่อนอยู่ในระดับ 31%

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจในกัมพูชารวมกันราว 1 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน

ส่วนผลประกอบการในปี 52 บริษัทคาดว่าจะสามารถทำได้เกือบ 2 หมื่นล้านบาท และมีกำไรสุทธิดีขึ้นจากปี 51

*เตรียมงบ 2 พันลบ.ลงทุนในปีนี้ , คาดโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเริ่มชัดเจนใน Q1/53

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุน 2 พันล้านบาทในปี 53 โดยขณะนี้ให้ความสนใจธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกและระบบขนส่งมวลชน โดยคาดว่าภายในไตรมาส 1/53 จะเริ่มมีความชัดเจนในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนภายในประเทศ ซึ่งกำหนดในแผนงานที่จะมีโรงไฟฟ้า 5-10 แห่ง ขนาดแห่งละ 1-5 เมกะวัตต์ จะมีทั้งการลงทุนเองและร่วมทุน

บริษัทมองว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก มีความมั่นคง และสร้างกำไรที่ดี รวมทั้งมีผู้รับซื้อไฟฟ้าแน่นอน ซึ่งจะถือเป็นธุรกิจหลักอันใหม่ของบริษัท คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้อย่างเต็มที่ในปี 54

นายวัฒน์ชัย กล่าวถึงการเจรจาเข้าซื้อกิจการบมจ.ไทยคม (THCOM)ว่า ขณะนี้ปิดดีลไปแล้ว และจะไม่พอพูดถึงกรณีไทยคมอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ