ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ นอกจากนี้ ตลาดยังร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนไม่ให้น้ำหนักกับรายงานกำไรสุทธิ์ที่แข็งแกร่งของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 100.90 จุด หรือ 0.9% ปิดที่ 10,609.65 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2552 ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 12.43 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ระดับ 1,136.03 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 28.75 จุด หรือ 1.2% ปิดที่ 2,287.99 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยูราว 1.4 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันพฤหัสบดีที่ 888.1 ล้านหุ้น
นักวิเคราะห์จากไดเร็กเชียนส์ ฟันด์ ในนิวยอร์ก กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงทันที เมื่อรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนธ.ค.ขยับขึ้นแตะระดับ 72.8 จุด จากเดือนพ.ย.ที่ระดับ 72.5 จุด แต่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าความเชื่อมั่นที่อ่อนแอจะทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคหดตัวลงด้วย
นักลงทุนไม่ให้ความสนใจต่อรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ โดยเจพีมอร์แกนระบุว่ากำไรสุทธิประจำไตรมาส 4 ปี 2552 อยู่ที่ระดับ 3.28 พันล้านดอลลาร์ หรือ 74 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 2551 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 702 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เจพีมอร์แกนยอมรับว่าธุรกิจของธนาคารได้รับแรงกดดันอยู่บ้างจากต้นทุนสินเชื่อที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ด้านการจ้างงานที่ยังคงวิกฤตในสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนธ.ค.ปี 2552 ขยับขึ้น 0.1% ขณะที่ดัชนีซีพีไอซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกัน ส่งผลให้ดัชนีซีพีไอตลอดปี 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.7%
นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึง โกลด์แมน แซคส์, แบงค์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, มอร์แกน สแตนลีย์ และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกนปิดร่วง 2.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ปิดลบ 2.6% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดร่วง 2.6%