นายดิเรก ไมตรีบริรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.วิค แอนด์ ฮุคลันด์ (KWH) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่ามีบริษัทนอกตลาดฯสนใจเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทว่า ฝ่ายบริหารยังไม่ทราบเรื่องนี้ ซึ่งหากเป็นความจริงก็คงจะเป็นการเจรจาในระดับผู้ถือหุ้นมากกว่า
"ในส่วนของผมตอนนี้ยังไม่ใครเข้ามาทำอะไร หากข่าวเป็นจริงคงเป็นดีลในระดับผู้ถือหุ้นมากกว่า และหากเป็นการเทคโอเวอร์คงต้องคุยกับ major shareholder เลย เพราะเขาซื้อเป็นก้อน"นายดิเรก กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน KWH กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 53 คาดว่าจะมียอดขายที่ดีกว่าปี 52 เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และมีงานก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น โดยบริษัทได้รับงานผ่านผู้รับเหมาหลักที่ได้งานโครงการของทั้งภาครัฐและเอกชนมากขึ้น ซึ่งมีทั้งงานในและต่างประเทศ
อนึ่ง บริษัทประกอบธุรกิจหลักเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายท่อและข้อต่อท่อพลาสติกชนิดความหนาแน่นสูง HDPE ท่อพลาสติกชนิดความหนาแน่นต่ำ LDPE ท่อโพลีโพรพิลีน และท่อ WEHOLITE SPIRO, ท่อ Double Wall Pipe, W ehoTank, W eholite และWehoAqua โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง
นายดิเรก กล่าวว่า ตลาดในประเทศราว 70-80% บริษัทจะดีลผ่านผู้รับเหมาหลัก ไม่ได้เข้ารับงานโดยตรง ส่วนใหญ่เจ้าของโครงการจะเป็นการประปานครหลวง(กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) กรมชลประทาน ซึ่งมีงบประมาณก่อสร้างโครงการทั้งประเทศ และยังมีโครงการที่น่าสนใจขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีรายได้และงบประมาณเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
"ปีนี้เราหวังว่าจะมียอดขายที่ดีกว่าปีที่แล้ว แต่ก็มีคู่แข่งเยอะ แต่เราก็มีหลายตลาดที่เรายังบุกไม่ถึง แต่สินค้าเรามีคุณภาพ หากเจอคู่แข่งใช้สินค้าเกรดต่ำออกมาให้ท่อผ่าน 2 ปีก็พอใช้ได้ แต่ของเรา 50 ปีก็ยังอยู่ ก็อยากให้ภาครัฐเน้นสินค้าคุณภาพจริงๆ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KWH กล่าว
นายดิเรก กล่าวอีกว่าเป้าหมายทางธุรกิจในปี 53 จะเน้นการส่งออกไปต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนตลาดในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ อยู่ที่ 50 ต่อ 50 เนื่องจากยอมรับว่าตลาดในประเทศมีคู่แข่งมาก ซึ่งผลิตสินค้าทั้งมีคุณภาพและไม่มีคุณภาพแต่ยังขายได้ในตลาด
ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะเน้นสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งบริษัทมีการควบคุมคุณภาพสินค้าตามมาตรฐานของประเทศฟินแลนด์ และได้ใบรับรองคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO14000 ซึ่งลูกค้าต่างประเทศเมื่อสั่งซื้อสินค้าก็จะมีการเข้ามาตรวจสอบขั้นตอนการผลิตถึงโรงงาน
"หลายปีที่ผ่านมาเราพึ่งพาตลาดในประเทศเยอะ แต่ตอนนี้ตลาดในประเทศมีข้อจำกัดในหลายเรื่อง เช่นเรื่อง brand royalty แค่มีทุนก็ซื้อเครื่องจักรมาผลิตท่อเล็กๆมาแข่งก็ได้แล้ว และการควบคุมคุณภาพ ของเราเป็นบริษัทใหญ่มีการควบคุมคุณภาพ ขณะที่คู่แข่งไม่มี คู่แข่งรายเล็กๆ ทำอะไรก็ได้ เอาสินค้าคุณภาพต่ำมาผลิตขายให้เอกชนก็ไม่เป็นไร แต่หากขายให้ภาครัฐก็น่าจะคุมคุณภาพ แต่ความเป็นจริงก็ยังขายกันได้อยู่"นายดิเรก กล่าว
สำหรับตลาดส่งออกยังคงเน้นตลาดในแถบเอเซีย ซึ่งยังมีความต้องการสูง และไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจมากนัก โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าทั้งในอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และไต้หวัน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ลาว และพม่า ขณะที่ตลาดในยุโรป ปัจจุบันมีผู้ผลิตเดิมอยู่แล้ว และบริษัทมีสาขาในยุโรป ดังนั้นการสั่งซื้อสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นการสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตพิเศษมากกว่า ส่วนตลาดในอเมริกา มีผู้ผลิตในประเทศเช่นกัน อีกทั้งประเทศในแถบอเมริกาได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจอยู่
นายดิเรก กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 52 ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปปิดงบบัญชีปี 52 และเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในกลางเดือน ก.พ.53 ก่อนจะเปิดเผยรายละเอียดต่อไป