ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) คงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาวของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ที่ A-(tha) และคงอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะสั้นที่ F2(tha) พร้อมปรับทบทวนแนวโน้มเครดิตระยะยาวเป็น เชิงบวก จากเดิม มีเสถียรภาพ
การปรับแนวโน้มเครดิตเป็นบวกของ BAFS ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคาดการณ์ของฟิทช์ที่ว่า ความสามารถในการทำกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ รวมถึงค่าใช้จ่ายการลงทุนที่ลดลงจะทำให้อัตราส่วนหนี้สิน (เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน) ของ BAFS ลดลงอย่างต่อเนื่องจนต่ำกว่า 2.0 เท่าภายใน 12 เดือนข้างหน้า ท่ามกลางสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจการบินแม้ว่าภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจจะยังคงอ่อนแออยู่ก็ตาม
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAFS อาจได้รับการปรับเพิ่มหากอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ ยังคงลดลงและสามารถอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางกลับกัน แนวโน้มเครดิตอาจได้รับการปรับสู่แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพเช่นเดิม หากภาวะถดถอยของธุรกิจและเศรษฐกิจมีการยืดเยื้อและส่งผลต่อความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของ BAFS รวมถึงการลงทุนจำนวนมากโดยใช้เงินกู้ และการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง อันมีผลทำให้ชะลอการลดลงของอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ
แม้ว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 รายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) ของ BAFS ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 8.6 และ 7.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณการใช้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่ลดลงร้อยละ 10.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน แต่ด้วยมาตรการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดขึ้น ทำให้อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่าต่อรายได้ (EBITDAR margin) ยังคงตัวอยู่ในระดับร้อยละ 63.8 ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 เมื่อเทียบกับร้อยละ 63.4 ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบผลประกอบการรายไตรมาส รายได้และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (EBITDAR) เติบโตในอัตราร้อยละ 3.3 และ 6.2 ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยปริมาณการใช้บริการเติมน้ำมันอากาศยานก็เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3.7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเช่นกัน
นอกจากนี้ ด้วยค่าใช้จ่ายการลงทุนที่น้อยมากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 ทำให้กระแสเงินสดสุทธิ (Free Cash Flow) ของ BAFS ในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 90 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ระดับหนี้สินสุทธิของ BAFS ลดลงเหลือ 2.6 พันล้าน ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2552 จาก 3.2 พันล้าน ณ สิ้นปี 2551 โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า 12 เดือนล่าสุด (Net Adjusted Debt/last 12 months (LTM) EBITDAR) ลดลงมาอยู่ในระดับ 2.4 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2552 จาก 2.8 เท่า ณ สิ้นปี 2551