SCB และบ.ย่อยปี 52 กำไรที่ 2.08 หมื่นลบ.จากปี 51 กำไรที่ 2.14 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 19, 2010 17:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยผลประกอบการปี 52 (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) มีกำไรสุทธิ 2.08 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับกำไรสุทธิที่ธนาคารทำได้สูงสุดในปี 51 ปัจจัยหลักมาจากสินเชื่อเติบโตเพิ่มขึ้น 2.5% จากปี 51 รายได้ค่าธรรมเนียมปรับเพิ่มขึ้น 10.9% ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นมาก รวมถึงการที่สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่ 4.4% เทียบกับปี 51 ที่อยู่ 5.1% นอกจากนี้ ธนาคารสามารถควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี

นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า ผลประกอบการที่แข็งแกร่งแสดงถึงความสามารถของธนาคารในการปรับตัวต่อความท้าทายและความไม่แน่นอนต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญในการทำธุรกิจในปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดผลกำไรที่ดี จากการขยายตัวด้านรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด การปรับตัวด้านคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นอย่างมาก และการขยายตัวเพิ่มขึ้นของสินเชื่อโดยเฉพาะในไตรมาส 4/52 แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของธนาคารในการบริหารจัดการและความสามารถในการแข่งขัน และ การปรับตัวของพนักงานภายใต้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ผันผวนและมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว

รายได้ค่าธรรมเนียม ปี 52 อยู่ที่ 18.9 พันล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นถึง 10.9% เมื่อเทียบปี 51 ที่อยู่ 17.1 พันล้านบาทส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากธุรกิจบัตร ธุรกิจประกันผ่านธนาคาร และผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ซึ่งไตรมาส 4/52 การขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการทางการเงินที่นำเสนอต่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารมีเครือข่ายและช่องทางการขายผลิตภัณฑ์มากและครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม

ด้านสินเชื่อปี 52 ขยายตัว 2.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยสินเชื่อขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในไตรมาส 4/52 เป็นผลจากความต้องการสินเชื่อของลูกค้าในทุกกลุ่มของธนาคารทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจ SME และลูกค้ารายบุคคล โดยการให้สินเชื่อของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวสูงถึง 9.4% เมื่อเทียบกับปี 51 ซึ่งเฉพาะในไตรมาส 4/52 ขยายตัวถึง 7.6% รวมถึงความต้องการสินเชื่อจากลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และลูกค้าธุรกิจ SME ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นปัจจัยด้านฤดูกาลที่ภาคธุรกิจมีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น อย่างไรก็ดี ความต้องการสินเชื่อระยะปานกลางและระยะยาวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ส่วนคุณภาพสินทรัพย์มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนในทุกกลุ่มลูกค้า สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับลดลงมาอยู่ที่ 4.4% ณ สิ้นปี 52 เทียบกับ 5.1% ณ สิ้นปี 51 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับสูงถึง 95.4% ณ สิ้นปี 52 เทียบกับ 83.3% ณ สิ้นปี 51

ด้านค่าใช้จ่าย ธนาคารสามารถควบคุมและบริหารค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายจากการลงทุนขยายเครือข่ายและการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนับจากปี 53 เป็นต้นไป ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 3.5% เทียบกับปี 51 (ทั้งนี้ หากหักค่าใช้จ่ายพิเศษครั้งเดียวออก ค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 1.8% เทียบกับปี 51)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ