นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ในปี 52 เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (% NPL gross) ของธนาคารอยู่ที่ระดับ 3.76% ขณะที่ปี 51 อยู่ที่ระดับ 3.09%
สำหรับผลการดำเนินงานก่อนสอบทานของปี 52 ว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 14,892 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.22 บาท เปรียบเทียบกับปี 51 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 15,333 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 6.41 บาท
โดยเฉพาะไตรมาส 4/52 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจำนวน 3,668 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.53 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 2,790 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.17 ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 878 ล้านบาท หรือคิดเป็น 31.47%
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 52 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม 1,358,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 51 จำนวน 54,487 ล้านบาท หรือ 4.18% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่ธนาคารขยายการลงทุนในบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด ผ่านการลงทุนในบริษัท เมืองไทย กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 พ.ย.52 ทำให้มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 70,820 ล้านบาท ส่วนเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.52 มีจำนวน 943,378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.35%
สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจที่มุ่งเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยปี 52 เครือธนาคารกสิกรไทยมีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย จำนวน 27,283 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 4,693 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.77% โดยมีค่าธรรมเนียมรับจำนวน 19,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.16%
ด้านผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin : NIM) ที่ไม่รวมธุรกิจประกันชีวิตในปี 52 อยู่ที่ระดับ 3.58% สำหรับไตรมาส 4/52 อยู่ที่ระดับ 3.68% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยง ณ วันที่ 31 ธ.ค.52 อยู่ในระดับที่ 15.18% ขณะที่ปี 51 อยู่ที่ 15.05%