นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.แสนสิริ(SIRI)คาดว่าบริษัทจะสามารถเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 1.5 พันล้านหุ้นได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ หลังจากสถานการณ์รอบด้านดีขึ้น และแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากราคาหุ้น SIRI ในกระดานมาอยู่ที่ 4.50 บาท สูงกว่าราคาพาร์ที่ 4.28 บาท เอื้อให้บริษัทสามารถกำหนดราคาขายหุ้นไม่ต่ำกว่าพาร์
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้ออกไปโรดโชว์ต่างประเทศ และได้รับความสนใจจากนักลงทุนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศ ซึ่งบริษัทก็จะเปิดกว้างในการขายหุ้นเพิ่มทุนให้ทั้งกับนักลงทุนสถาบันไทยและต่างประเทศ
"เดิมเราเคยวางแผนจะขายหุ้นเพิ่มทุนในปี 52 แต่สถานการณ์ไม่ดี ทำให้เราเลื่อนมาขายในปีนี้แทน และตอนนี้สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ราคาหุ้นก็เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งการทีไปโรดโชว์ในช่วงเดือน ก.ย. และ ต.ค.52 ขณะที่มีฟันด์ในประเทศมาหาที่บริษัทเกือบ 20 แห่ง ทำให้ผมเชื่อมั่นว่าจะสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนได้ไม่ยาก แม้จากการพูดคุยจะมีความสนใจที่แตกต่างกัน"นายเศรษฐา กล่าว
นอกจากนี้ ในปี 53 บริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้ 2 พันล้านบาท จากวงเงินที่เหลือจากที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้ 3 พันล้านบาท และออกไปแล้ว 1 พันล้านบาท พร้อมกันนั้น ก็เตรียมจะขออนุมัติเพิ่มวงเงินอีก 2 พันล้านบาทในช่วงเดือน เม.ย.53 เพื่อใช้รองรับการขยายตัวของบริษัทและการซื้อที่ดิน
นายเศรษฐา กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ในช่วงกลางเดือน พ.ค.53 เนื่องจากบริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิในปี 52 ค่อนข้างสูงถึง 1.5 พันล้านบาท เติบโตได้ถึง 60% สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ในระดับ 50%
ส่วนในปี 53 ตั้งเป้าหมายทำรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน(backlog)ในมือแล้ว 1.65 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรองรับการสร้างรายได้ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ 20 โครงการ มูลค่ารวม 2.7 หมื่นล้านบาท และเตรียมงบซื้อที่ดิน 3.2 พันล้านบาท
ทั้งนี้แผนการพัฒนาโครงการที่ประเทศอังกฤษ มูลค่า 600 ล้านบาท จำนวน 6 ยูนิต คงจะเห็นในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ ซึ่งเลื่อนจากแผนเดิมที่คาดว่าจะเห็นในช่วงปลายปี 52 เนื่องจากต้องการปรับปรุงราคาและการปรับรูปแบบให้เสร็จ โดยในช่วงธันวาคมปี 52 ราคาปรับอสังหาริมทรัพย์ที่อังกฤษปรับตัวลดลง แต่เชื่อว่าฤดูกาลซื้อขายจะกลับมาในเดือน มี.ค. และเม.ย. ซึ่งโครงการที่อังกฤษเน้นขายลูกค้าคนไทยอย่างเดียว โดยราคาอยู่ที่ 1.7-1.8 พันปอนด์ต่อตารางฟุต
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในประเทศเวียดนามและนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกาควบคู่ไปด้วย
ส่วนการพัฒนาโครงการในประเทศที่บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 20 โครงการนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า บริษัทจะมีการทยอยปรับราคาขายบ้านขึ้น 5% ขณะเดียวกันจะมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมซึ่งเป็นของบริษัทลูก โดยครึ่งปีแรก 3 โครงการ มูลค่า 6-7 พันล้านบาท อีกทั้งยังมีบ้าน BOI อีก 3-4 โครงการ แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 1 แห่ง ที่เหลือเป็นคอนโดมิเนียม ซึ่งโครงการ BOI จะมีการทยอยซื้อที่ดินเพิ่มหลังจากซื้อที่รัตนาธิเบศธ์มาแล้ว
ส่วนการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการมองหาที่ดินที่พัทยาและภูเก็ต โดยเฉพาะที่ภูเก็ตมองว่าอยู่หลายแปลง เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและความต้องการสูง จากปัจจุบันมีที่ดินหัวหิน นายเศรษฐากล่าวในที่สุด